พวกไกด์ผีระวังไว้นะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5666/2552

        

          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 มาตรา 14, 26, 59, 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ริบของกลาง

          จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 มาตรา 14, 59 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ ลงโทษปรับจำเลยละ 100,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ยังมีความผิดฐานไม่ยื่นเอกสารในการโฆษณาการจัดบริการนำเที่ยวและรายละเอียดในการนำเที่ยวตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 มาตรา 26, 60 อีกกระทงหนึ่งด้วย ให้ปรับ 5,000 บาท รวมปรับจำเลยที่ 2 จำนวน 105,000 บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่มิให้กักขังจำเลยที่ 2 แทนค่าปรับเกิน 2 ปี ริบของกลาง

          จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 เฉพาะเกี่ยวกับความผิดฐานไม่ยื่นเอกสารในการโฆษณาการจัดบริการนำเที่ยวหรือรายละเอียดในการนำเที่ยว ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 มาตรา 26, 60 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          โจทก์ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานไม่ยื่นเอกสารในการโฆษณาการจัดบริการนำเที่ยวหรือรายละเอียดในการนำเที่ยวตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 3 บัญญัติว่า “ให้ยกเลิก (1) พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 (2) พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545” โดยยกเลิกบทบัญญัติตามมาตรา 26 วรรคสอง, 60 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ดังนั้นการฝ่าฝืนมาตรา 26 วรรคสอง, 60 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 จึงไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาโจทก์อีกต่อไป

          อนึ่ง พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 15, 80 ยังบัญญัติให้ความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 มาตรา 14, 59 เป็นความผิดอยู่แต่โทษปรับตามกฎหมายใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองไม่ว่าในทางใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

          พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 15, 80 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

 

 

Visitors: 122,829