ลูกความกล่าวต่อหน้าทนายความว่า “ไอ้ทนายเฮงซวย” เนื่องจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ทนายความ เป็นการดูหมิ่นทนายความ หรือไม่
ลูกความกล่าวต่อหน้าทนายความว่า “ไอ้ทนายเฮงซวย” เนื่องจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ทนายความ
เป็นการดูหมิ่นทนายความ หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๖๒๓/๒๕๕๑
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๒
เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกล่าววาจาดูหมิ่นนายทรงศักดิ์ผู้เสียหาย ซึ่งหน้าว่า
"เสร็จเรื่องนี้แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ไอ้ทนายเฮงซวย"
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓ และนับโทษต่อจากคดีดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓ ลงโทษปรับ ๑,๐๐๐ บาท
ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น
เนื่องจากคดีนี้ศาลไม่ได้ลงโทษจำคุกจำเลยจึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้
ให้ยกคำขอในส่วนนี้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
"มีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยว่า
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหายว่า
"เสร็จเรื่องนี้แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ไอ้ทนายเฮงซวย" นั้น
เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓
ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า
การที่จะวินิจฉัยว่าถ้อยคำที่กล่าวเป็นการดูหมิ่นหรือไม่ต้องพิจารณาตามความหมายของคำตามความรู้สึกของบุคคลทั่วไปว่าทำให้เกิดความรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชังผู้ที่ถูกกล่าวหรือไม่
แต่ศาลอุทธรณ์พิจารณาแต่เพียงความหมายของคำตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒
เท่านั้น ซึ่งจำเลยเห็นว่าคำพูดว่า "ไอ้ทนายเฮงซวย"
ตามความรู้สึกของบุคคลทั่วไปไม่ทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใด
คำพูดของจำเลยจึงไม่เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย นั้น เห็นว่า การดูหมิ่นผู้อื่นอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓
หมายถึง การดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท หรือทำให้อับอาย
การวินิจฉัยว่าการกล่าววาจาอย่างไรเป็นการดูหมิ่นผู้อื่นหรือไม่จึงต้องพิจารณาว่าถ้อยคำที่กล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยามสบประมาทผู้ที่ถูกกล่าวถึง
หรือเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกกล่าว หรือเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึงอับอายหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นแล้ว ไม่ต้องถึงกับเป็นการใส่ความให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น
หรือถูกเกลียดชังดังจำเลยฎีกา ซึ่งเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๒๖ คดีนี้ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง
พ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา ๒๒ ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหายว่า
"เสร็จเรื่องนี้แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ไอ้ทนายเฮงซวย"
เนื่องจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ทนายความของผู้เสียหาย
โดยกล่าวในขณะที่มีเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งไปตรวจสถานที่เกิดเหตุคดีอาญาและพี่น้องของจำเลยซึ่งผู้เสียหายรับเป็นทนายความอยู่ในบริเวณนั้น
เมื่อตามพจนานุกรมให้หมายความคำว่า "เฮงซวย" ว่า เอาแน่นอนอะไรไม่ได้
คุณภาพต่ำ ไม่ดี ซึ่งมีความหมายในทางเสื่อมเสีย
การที่จำเลยพูดใส่ผู้เสียหายด้วยความไม่พอใจว่า "ไอ้ทนายเฮงซวย"
จึงเป็นถ้อยคำที่จำเลยด่าผู้เสียหายเป็นการดูถูกเหยียดหยามและสบประมาทผู้เสียหายว่าเป็นทนายความเฮงซวย
ที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาความหมายคำว่า "เฮงซวย" ตามพจนานุกรม
และวินิจฉัยว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๙๓ จึงชอบแล้ว"
พิพากษายืน
(ธนัท
วิรบุตร์-ไพโรจน์ วายุภาพ-พิชัย อภิชาตอำมฤต)