-
-
บทบรรณาธิการ
-
คำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ
-
รถหายในห้างสรรพสินค้า ห้างฯต้องรับผิดชอบ
-
ผู้เช่า (หัวหมอ) ฟ้องผู้ให้เช่า บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ และ ลักทรัพย์ แต่ (เงิบ) ด้วยข้อสัญญาเช่า จึงเป็นอุทธรณ์(เห่า) ของผู้ให้เช่า ในการเขียนสัญญาเช่า ให้รอดพ้นจากคดีดังกล่าวหลังจากสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้ว
-
คำสั่งให้งดการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ย่อมมีผลทันทีเมื่อศาลมีคำสั่ง แม้คำสั่งนั้นยังไม่ได้ส่งไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม
-
สัญญากู้ลงชื่อผู้กู้ฝ่ายเดียว ไม่ใช่ตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ เป็นเพียงหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือเท่านั้น
-
การครอบครองปรปักษ์ยังไม่ครบ ๑๐ ปี เจ้าของที่ดินโอนไปยังบุคคลภายนอก การครอบครองย่อมสิ้นสุดลง ต้องเริ่มนับใหม่
-
ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้
-
ร้องขอครอบครองปรปักษ์ สังหาริมทรัพย์ (หุ้น, รถยนต์) ได้หรือไม่
-
คนต่างด้าวร้องขอครอบครองปรปักษ์คอนโดได้หรือไม่
-
หัวสัญญาระบุว่า สัญญาซื้อขาย โดยจำเลยเป็นผู้ซื้อ โจทก์เป็นผู้ขาย มีรายละเอียดของแบบสินค้า จำนวนชุด ราคา วันจัดส่ง แต่ในเนื้อหาสาระของสัญญายังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับผ้า วัสดุอุปกรณ์ กรรมวิธีการผลิต หีบห่อ และเศษวัสดุจากการตัดเย็บและสินค้าคุณภาพรองไว้ด้วย เช่นน
-
สัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่า จะมีผลผูกพันผู้รับโอนหรือไม่ แม้ผู้รับโอนจะรู้เห็นถึงการเช่าและรับโอนตึกแถวพิพาทมา
-
พวกไกด์ผีระวังไว้นะ
-
สัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดิน(ที่ดินจัดสรร) ที่มีข้อกำหนดของสัญญาว่า ค่าภาษีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนโอน ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระทั้งหมด มีผลบังคับใช้ได้หรือไม่
-
ด่ากันทางโทรศัพท์ มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือไม่
-
จอดรถไว้บริเวณลานจอดรถของโรงแรม โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำอยู่บริเวณลาดจอดรถ หากรถหาย โรงแรมจะต้องรับผิดชอบหรือไม่
-
ผู้ให้กู้ กรอกจำนวนเงินกู้ในสัญญากู้ เกินกว่าความจริง ผู้กู้ต้องชดใช้เงินตามที่ผู้ให้กู้กรอกไว้หรือไม่ และผู้ให้กู้มีความผิดฐานใดบ้าง
-
ผู้กู้ ยินยอมให้ดอกเบี้ยแก่ ผู้ให้กู้ ในอัตราที่ขัดต่อกฎหมาย (เกินกว่าร้อยละ ๑๕ ต่อปี)ผู้ให้กู้ มีความผิดหรือไม่ (กู้นอกระบบ)
-
ผู้ขายฝากมีเงินไถ่ที่ดินที่ขายฝากภายในกำหนดเวลาตามสัญญา แต่ผู้ซื้อฝากไม่ยินยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากจะไถ่ที่ดินที่ขายฝากด้วยวิธีใด
-
อ้างว่า ไฟแนนซ์ให้มายึดรถที่ค้างค่างวดคืน ถ้าไม่อยากให้ยึด ต้องจ่ายค่าติดตามมา อย่างนี้ ผู้เช่าซื้อจะดำเนินคดีอาญากับพวกแอบอ้างอย่างนี้ได้หรือไม่
-
ผู้กู้ เขียนข้อความว่า "เพื่อชำระหนี้เงินกู้" ไว้ด้านหลังเช็คและลงลายมือชื่อไว้เท่านั้น ถือว่า เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน หรือไม่
-
ผู้เช่าซื้อ ขายดาวน์ ให้แก่ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อใช้ชื่อและที่อยู่ของบุคคลอื่นเป็นผู้ซื้อ เมื่อได้รับมอบรถยนต์ไปแล้ว ก็ไม่ยอมมาทำสัญญาเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อ อย่างนี้ ผู้ซื้อจะมีความผิดอาญา ฐานใด
-
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ร้องขอบังคับคดีภายใน 10 ปี จะยังมีสิทธิบังคับเอาแก่ทรัพย์จำนองได้หรือไม่
-
กรณีของคุณชูวิทย์ ที่เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลฎีกามีคำตอบอย่างนี้
-
ใช้นิ้วมือสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของเด็ก เป็นความผิดฐานกระทำชำเรา ไม่ใช่อนาจาร
-
เจ้าของที่ดินเดิมมีเจตนาอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะย่อมมีผลให้ที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทันที โดยไม่จำต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่อาจซื้อกันได้ ผู้ซื้อย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่เป็นทางสาธารณะ
-
พฤติการณ์เช่นใดที่แสดงว่า สามียกย่องหญิงอื่นฉันภริยาแล้ว ซึ่งเมียหลวงมีสิทธิฟ้องหย่า และเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรกับเรียกค่าทดแทนจากสามีและเมียน้อยได้
-
การด่าผู้อื่นว่า “ตอแหล” ผิดดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือไม่
-
เงินเยอะ ซื้อที่ดินมือเปล่าทิ้งไว้ (ภ.บ.ท.5 หรือ สทก.) แต่ไม่ได้ครอบครองตามความเป็นจริง จะฟ้องขับไล่ เอาที่ดิน คืนได้ไหม
-
ซื้อที่ดินโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ ต่อมา อ.บ.ต.ห้ามมิให้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกเงินค่าที่ดินพร้อมดอกเบี้ยคืนจากผู้ขายหรือไม่
-
สิทธิครอบครองที่ดินภ.บ.ท.๕ ซื้อขายกันได้หรือไม่ และเมื่อผู้ซื้อเข้าครอบครองที่ดินแล้ว จะเปลี่ยนใจขอเงินคืนได้หรือไม่
-
ผู้ชำระบัญชี ยังไม่ได้ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้บริษัท แต่กลับไปจดเสร็จการชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ด้วยหรือไม่
-
ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ มีเพียงบัตรพร้อมรหัสใช้กดถอนเงิน จะถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมที่จะใช้ฟ้องร้องกันได้หรือไม่
-
เป็นหนี้เงินกู้ยืมแล้วไม่ชำระ เจ้าหนี้เข้าไปยึดทรัพย์สินภายในบ้าน ตามข้อตกลงในสัญญากู้ที่ระบุว่า หากไม่ชำระยินยอมให้ยึดทรัพย์สินได้ เจ้าหนี้จะมีความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่
-
ทำสัญญากู้กันไว้ โดยส่งมอบโฉนดไว้เป็นประกัน ผู้กู้จะฟ้องเรียกโฉนดคืนได้หรือไม่ เมื่อยังไม่ชำระหนี้ หรือในกรณีส่งมอบโฉนดไว้เป็นประกัน แต่ไม่ได้ทำสัญญากู้กันไว้ หรือ ศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แล้ว แต่ไม่ได้บังคับภายใน ๑๐ ปี เจ้าหนี้ยังยึดโฉนดไว้ได้หรือไม่ จนกว่า
-
ผู้กู้ มอบโฉนดให้ ผู้ให้กู้ ไว้เป็นประกันการกู้ยืม ต่อมาผู้กู้ไปแจ้งความว่า โฉนดหายไปและไปขอออกใบแทนแล้วโอนให้แก่ผู้อื่นไป ผู้ให้กู้เป็นผู้เสียหายที่จะฟ้อง ผู้กู้แจ้งความเท็จ ได้หรือไม่ และผู้ให้กู้ต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ได้ที่ดินคืนมาประกันการชำระห
-
ผู้จัดการมรดกโอนที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกเป็นของตนเอง แล้วโอนต่อไปให้บุคคลภายนอกโดยไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาทโดยธรรมคนอื่น ทายาทจะตั้งรูปคดีอย่างไร เพื่อไม่ให้ฟ้องขาดอายุความ
-
ที่ดิน ภ.บ.ท.5 ซื้อขายกันได้ แต่ถ้าเป็นที่สาธารณประโยชน์ สัญญาซื้อขายตกเป็นโมฆะ
-
นักข่าวต้องการข่าว ไปล่อซื้อเพื่อให้เป็นข่าว
-
รถถูกขโมยไปจากคอนโด ใครต้องรับผิดชอบ
-
ถูกขโมยบัตรเครดิตไปใช้ ผู้ถือบัตรต้องรับภาระหนี้ดังกล่าวหรือไม่
-
ไปนวดแผนโบราณในโรงแรมแล้ว รถยนต์หายไป เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดชอบหรือไม่
-
กรณีศึกษา รถหายไปจากห้าง กับ มาตราฐานในการนำสืบข้อเท็จจริง เพื่อให้ห้างต้องรับผิดชอบ
-
ธนาคารหักเงินจากบัตรเดบิตที่ตนเองไม่ได้ใช้ ธนาคารต้องคืนเงินที่หักไปพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่หักเงินไปจากบัญชี
-
แอบถ่ายใต้กระโปรง
-
ซื้อรถยนต์ แต่จดทะเบียนโอนไม่ได้ และไม่ยอมส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถ คู่มือจดทะเบียนและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีประจำปี ต้องฟ้องอย่างไรถึงจะบังคับโอนได้
-
ซื้อบ้านจัดสรร โดยมีข้อตกลงให้ผู้ซื้อเป็นผู้ออกเงินค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ รายได้ส่วนท้องถิ่น และ อากรแสตมป์ ข้อตกลงดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้ ผู้ซื้อสามารถฟ้องเรียกคืนได้ภายใน ๑๐ ปี
-
ร้านอาหารปรุงสำเร็จ อาหารพร้อมปรุง ร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้า (ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ฯลฯ) เมนูอาหารต้องเป็นภาษาไทย ราคาต้องเป็นตัวเลขอารบิค ถ้าไม่มี หรือมี แต่ขายเกินราคา ถูกปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผู้แจ้งจับได้รับสินบนนำจับ ๒๕% ของค่าปรับ
-
ลูกความกล่าวต่อหน้าทนายความว่า “ไอ้ทนายเฮงซวย” เนื่องจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ทนายความ เป็นการดูหมิ่นทนายความ หรือไม่
-
เรื่อง ขี้หมา ขี้หมา
-
ยืมเงินแล้วไม่ยอมใช้ ต่างคนต่างโต้เถียงซึ่งกันและกัน เจ้าหนี้ด่าว่า “มึงโกงกู” ด้วยความโกรธ เป็นหมิ่นประมาทหรือไม่
-
ซื้อรถยนต์มือสองจากบริษัทขายรถยนต์ ต่อมารถยนต์ถูกตำรวจยึด เพราะเจ้าของรถไปแจ้งความว่ารถถูกขโมย ผู้ซื้อรถต้องทำอย่างไร เสียทั้งเงินเสียทั้งรถ
-
ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน (สทก.) เขตปฎิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) สามารถขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่
-
เดิม ซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก.โดยส่งมอบการครอบครองให้แล้ว สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้ซื้อออกจากที่ดินได้ (ฎีกา 2293/2552 และ 3424/2557) ต่อมาศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ผู้ขายที่ดิน ส.ป.ก.ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต (
-
เมียคนไทยมีชื่อและครอบครองที่ดินไว้แทนฝรั่งต่างชาติ แล้วฮุบเอาที่ดินเป็นของตนเองหรือเอาไปขาย ถ้าฝรั่งต่างชาติโวยวายเอาคืน เมียคนไทยระวังจะโดนข้อหายักยอกทรัพย์ได้ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12250/2557) แต่ถ้าให้ใส่ชื่อไว้อย่างเดียว ไม่ได้ให้ครอบครองด้วย เอาไปขาย
-
โช้กอัพ ไม่ปรากฏในรายการจดทะเบียน ดังนั้น การโหลดโช้กอัพให้ต่ำลง และถอดนอตที่บริเวณโช้กอัพออก เป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๐๘๗/๒๕๕๖
-
มัดจำที่ถูกริบ หากสูงเกินไป ศาลปรับลดลงได้หรือไม่
-
ปัญหาการรับฟังเทปบันทึกเสียงในคดีอาญา เดิมต้องห้ามมิให้รับฟังตามมาตรา 226 (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2551) ซึ่งมีหมายเหตุท้ายฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ควรรับฟังตาม 226/1 ต่อมาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2555 วินิจฉัยว่า รับฟังได้ตาม 226/1
-
ปัญหาการรับฟังเทปบันทึกเสียงในคดีแพ่ง ถ้าคู่ความยอมรับ เสียงสนทนาเป็นของตนเองจริง ย่อมนำมารับฟังประกอบในการชั่งน้ำหนักพยานได้
-
แนวทางการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานในการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี
-
ว่าด้วยเรื่อง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
สุนัขวิ่งตัดหน้ารถ เจ้าของสุนัขต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ขับขี่หรือไม่
-
ตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียว
-
กำหนดระยะเวลา ๑๐ ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๗๔ วรรคหนึ่ง (๒๗๑ (เดิม) จะต้องเริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุด ไม่ใช่นับแต่คดีถึงที่สุดตามมาตรา ๑๔๗ วรรคสอง (ฎีกาที่ ๑๐๗๓๑/๒๕๕๘, ๔๖๗๓/๒๕๖๐) โดยไม่มีข้อยกเว้นมิให้ใช้บังคั
-
-
คดีแรงงาน
-
เล่นอินเตอร์เน็ตพูกคุยเรื่องส่วนตัวในเวลางาน นายจ้างเลิกจ้างได้โดยชอบ
-
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่านายหน้า ค่าครองชีพ ค่าเที่ยว ค่าชั่วโมงบิน ค่าน้ำมันรถ ค่าคอมมิชชั่น ค่าโทรศัพท์ ค่ารถประจำตำแหน่ง ค่าบริการและค่าอาหาร เงินจ่ายทดแทนรถประจำตำแหน่ง เงินค่าค้างคืนนอกฝั่ง เงินจูงใจ เงินโบนัส ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าภาษี เป็นค่าจ้างหรื
-
ค่าคอมมิสชั่นที่ได้รับจากการจำหน่ายสินค้าซึ่งคิดคำนวณจากยอดสินค้าที่จำหน่ายได้ในแต่ละเดือน ถือเป็นค่าจ้าง
-
หนังสือเตือนต้องมีข้อความเช่นใดจึงเป็นหนังสือเตือนที่ถูกต้อง
-
นายจ้างมีหนังสือเลิกจ้างแต่ไม่ได้ระบุเหตุผลการกระทำความผิดไว้ในหนังสือเลิกจ้าง นายจ้างจะอ้างว่าลูกจ้างกระทำความผิดร้ายแรง ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่
-
ค่าชดเชยกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย
-
พนักงานจ้างเหมาค่าแรง(เอาท์ซอร์ส) จะต้องได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติเช่นเดียวกับพนักงานประจำ
-
มัคคุเทศก์อิสระ ไม่ใช่ลูกจ้าง
-
โจทก์เป็นลูกจ้าง ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือเป็น ผู้รับจ้าง ตาม สัญญาจ้างทำของ
-
หลักการพิจารณาว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือจ้างทำของ
-
สัญญาจ้างแรงงาน มีข้อความว่า ห้ามพนักงานไปทำงานในสถานประกอบการอื่นซึ่งประกอบธุรกิจในลักษณะหรือประเภทเดียวกันกับธุรกิจของบริษัท หรือเป็นคู่แข่งทางการค้ากับบริษัท หรือ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือดำเนินการไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการพัฒนาทำ ผลิต หรือจำ
-
ลูกจ้างใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวต่อพวงกับอุปกรณ์ของนายจ้างในเวลาทำงานเพื่อทำการค้ากับบุคคลภายนอก นายจ้างเลิกจ้างได้หรือไม่
-
ถูกเลิกจ้าง โดยข้ออ้างไม่ผ่านการทดลองงาน โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินใดบ้าง
-
หลักเกณฑ์การวินิจฉัยว่าเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างนั้นเป็นค่าจ้างที่ต้องนำมารวมคำนวนค่าชดเชยหรือไม่
-
ย้ายสถานประกอบกิจการ ตามมาตรา ๑๒๐ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
-
พฤติกรรมเช่นใดที่จะถือว่า เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๑๑๙(๑)
-
มาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย หนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง ต้องระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้าง หมายความว่าอย่างไร
-
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุว่า “หากพนักงานจะใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีต้องยื่นใบลาล่วงหน้าก่อนถึงวันลา หากไม่ใช้สิทธิลาพักผ่อนประจำปีใดให้ถือว่าสละสิทธิการลาพักผ่อนในปีนั้น และหมดสิทธิที่จะนำไปสะสมไว้ในปีต่อไป” ข้อบังคับดังกล่าวใช้บังคับได้หรือไม่
-
สัญญาว่าจ้างนักกีฬา เป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาทางแพ่งประเภทหนึ่ง
-
-
คดีเครื่องหมายการค้า
-
บรรดาภาพถ่าย ภาพวาด หรือภาพประดิษฐ์ซึ่งมีสภาพเป็นเพียงเครื่องหมายเท่านั้น ยังไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างเครื่องหมายการค้าจนกว่าจะมีผู้นำภาพต่าง ๆ เช่นว่านี้มาใช้อย่างเครื่องหมายการค้า
-
เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องหมายต่อสินค้าตามรายการสินค้าที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ และไม่ใช่ในลักษณะที่เป็นการใช้อย่างเครื่องหมายการค้าแล้ว จึงไม่เป็นความผิดฐานเลียนเครื่องหมายการค้า
-
เอางานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นมาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่ได้
-
(นำเข้าซ้อน) ผู้ผลิตสินค้าที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้จำหน่ายสินค้าของตนในครั้งแรก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้านั้นจากราคาสินค้าที่จำหน่ายไปเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้ซื้อสินค้าซึ่งประกอบการค้าปกตินำสินค้านั้นออกจำหน่า
-
ความผิดพลาดในการนำสืบพยานคดีเครื่องหมายการค้า
-
ปัญหาบางประการเกี่ยวกับการลวงขาย
-
หลักเกณฑ์การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้าใดเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
-
-
คดีลิขสิทธิ์
-
การบรรยายฟ้องคดีลิขสิทธิ์ที่ผิดพลาด
-
การล่อซื้อ กับ การล่อให้กระทำความผิด ผลทางกฎหมายแตกต่างกัน
-
การศึกษาหรือวิจัยอันเป็นข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
-
การสิ้นสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
-
หมายเหตุท้ายฎีกา เรื่อง หลัก “fair use”
-
คดี นวนิยายหางเครื่อง (แนวความคิด หรือ การแสดงออกซึ่งความคิด)
-
ความคาบเกี่ยวลิขสิทธิ์กับเครื่องหมายการค้า(Big)
-
งานดัดแปลงที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ดัดแปลงจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เฉพาะงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
-
ฏีกาอาจารย์ไพจิตร
-
ตีความคำว่า แพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ
-
ล้อเลื่อน (ไม่ใช่งานสร้างสรรค์)
-
ละเมิดบทความและชื่อ
-
ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงเด็กดอยใจดี
-
ลิขสิทธิ์ ศิลปประยุกต์
-
ลิขสิทธิ์ สิทธิของนักแสดง คดีคุณหน่อย บุษกร
-
เอกสารประชาสัมพันธ์ยังไม่ถือว่าเป็นงานสร้างสรรค์
-
การเดินแบบเสื้อผ้าไม่ใช่งานอันมีลิขสิทธิ์(คดีลูกเกตุเมทินี)
-
ตัวอย่างการปรับใช้มาตรา 32 วรรคหนึ่ง
-
คดีลิขสิทธิ์ ไม่จำต้องมีหมายค้น หมายจับ ถ้าเป็นความผิดซึ่งหน้า
-
เอาทำนองเพลงของเขาไปใช้เพียงแค่ ๒ ประโยค ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ หรือไม่
-
รูปแบบรายการเกมโชว์ เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายหรือไม่
-
ความคาบเกี่ยวระหว่างลิขสิทธิ์ศิลปประยุกต์กับสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์
-
แรงบันดาลใจหรือแนวความคิด กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่คุ้มครอง
-
ความคาบเกี่ยวระหว่างกฎหมายลิขสิทธิ์ กับ เครื่องหมายการค้า และ ลิขสิทธิ์ กับ สิทธิบัตร
-
-
ที่ดิน
-
คดีภาษี
-
หมายเหตุท้ายฎีกา
-
คดีทางการแพทย์
-
คดีคุ้มครองผู้บริโภค
-
คดีปกครอง
-
คดีดัง
-
-
ใช่ฟ้องแย้งไหมคะ
โดย:
ลินดา
[IP: 49.228.247.xxx]
เมื่อ: 2024-01-18 17:17:34
ดิฉันอยู่ต่างจังหวัด อีกจังหวัดหนึ่งมีที่ดินติดกับที่ดินญาติ ตอนแรกเขาขอเอารถเข้าไปจอดก็อนุญาต แต่หลายปีผ่านไปพบว่าเขาทุบแท้งน้ำเอาต้นไม้มาปลูกก็ไปต่อว่าทะเลาะกัน ขณะนี้เขาไปยื่นศาลบอกว่าเป็นที่ดินของเขา( ที่ดิน น.ส. 3 )
ญาติบอกว่าไปคัดค้านเรียกค่าเสียหายค่าแท้ง จะเรียกว่าฟ้องแย้งใช่ไหมคะและจะเรียกค่าเสียหายได้ไหม ขอบคุณคะกลุ้มใจมากเลยเสียดายที่ดินของแม่
ญาติบอกว่าไปคัดค้านเรียกค่าเสียหายค่าแท้ง จะเรียกว่าฟ้องแย้งใช่ไหมคะและจะเรียกค่าเสียหายได้ไหม ขอบคุณคะกลุ้มใจมากเลยเสียดายที่ดินของแม่
ตามข้อเท็จจริง คุณน่าจะอยู่ในฐานะเสียเปรียบ เพราะให้ญาติเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดิน ที่มีเอกสารเป็น นส.3 คือคุณมีเพียงสิทธิครอบครอง ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ ดังเช่นโฉนดที่ดิน การอนุญาตให้เขาเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดิน โดยไม่มีการทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ให้ชัดเจน (ทำนองเป็นสัญญาให้ใช้ที่ดิน) หลายปีผ่านไป เมื่อความโลภเข้ามาบดบังตา คุณธรรมของเขาย่อมเสี่อมถอย เขาก็คงอ้างหน้าตาเฉยว่า ที่ดินเป็นของเขา เพราะมีหลักกฎหมายที่เจ็บปวด คือ ที่ดิน มือเปล่า (มีเอกสาร เป็น นส.3 หรือ สค.1 ) ถ้าเจ้าของผู้มีสืทธิครอบครองไม่ได้โต้แย้งการแย่งการครอบครองภายใน หนึ่งปี ย่อมหมดอำนาจฟ้อง ที่ดินจะตกเป็นของ ผู้แย่งการครอบครองอย่างง่ายดาย ตาม ปพพ. ม.1375...ที่ญาติแนะนำให้ฟ้องแย้ง เรียกค่าเสียหายเรื่องแทงก์น้่ำนั้น ไม่น่าจะใช่ กรณีนี้ คุณควรฟ้องขับไล่ ให้เขาออกจากที่ดิน ไม่ให้ใช้ประโยชน์ในทที่ดินแปลงนี้อีกต่อไป และเรียกค่าเสียหายต่างๆ และแทงก์น้ำได้ด้วย ที่จริงควรแจ้งความดำเนินคดีฐานทำให้เสียทรัพย์น่าจะสะดวกกว่า (มีโทษจำคุกสามปี ) การฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ไม่น่าจะคุ้ม....ถ้าคุณฟ้องขับไล่ คุณต้องมีภาระไปหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานบุคคลมานำสืบให้ได้ว่า คุณอนุญาตให้เขาเข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดิน ไม่ใช่เขาเข้าไปแย่งการครอบครองเอง ถ้าพิสูจน์ในประเด็นนี้ได้ คุณก็มีโอกาสได้ที่ดินคืน แต่ถ้าเขาอ้างว่า เขาบุกรุกเข้าไปครอบครองโดยคุณไม่เคยอนุญาต ถ้าศาลเชื่อประเด็นนี้ เขาย่อมชนะคดี เพราะเขาบุกรุกเข้าไปแย่งชิงเกินหนึ่ง ปี คุณจึงน่าจะแพ้คดี...คุณน่าจะเคยได้ยินได้ฟัง "นิทานอีสป เรื่องชาวนากับงูเห่า" ที่อีสปเล่ามากว่าพันปี แต่ยังทันอยู่สมัยเสมอ คือการช่วยเหลือคนพาลมีแต่พบกับความเดือดร้อน เสมือนชาวนา กลัวงูเห่าจะหนาวตาย จึงอุ้มมากอด จึงถุกงูเห่ากันตาย...
มีทางออกอีกทางหนึ่ง ซึ่งน่าจะช่วยคุณได้ คือ "การไกลเกลี่ยก่อนฟ้อง" ไปที่ศาล ไปที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยฯ จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำ เมื่อมีการเชิญคู่กรรีมาเจรจากัน น่าจะมีทางออกที่ไม่เจ็บปวดมากจนเกินไป มีผู้ไกล่เกลี่ย และศาลช่วยเหลือดูแลอย่างใกล้ชิด และขอให้ศาลพิพากษาตามยอม (ตามข้อตกลง)ได้ โโยไม่ต้องมีการฟ้องคดี และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ด้วยความปรารถนาดี ครับ
อ้อเขาได้่ฟ้องคุณแล้ว คุณก็ขอให้มีการไกล่เกลี่ยได้ เช่นกัน แต่เป็นการไกล่เกลี่ยหลังฟ้อง กระบวนการก็ไม่แตกต่างกันมาก และน่าจะจบลงอย่างสันตื...
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3422/2551
จำเลยล้อมรั้วไม้ไผ่ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยระงับการกระทำดังกล่าวแต่จำเลยยังคงทำการล้อมรั้วจนแล้วเสร็จ เป็นการแสดงเจตนาแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทนับตั้งแต่วันที่มีการล้อมรั้วไม้ไผ่
ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรคสอง เป็นบทบังคับเรื่องกำหนดเวลาสำหรับฟ้อง ไม่ใช่เรื่องอายุความ จึงไม่อาจนำเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับได้
โจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทเกิน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมขาดสิทธิฟ้องร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทและเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เลขที่ 6/2498 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา เป็นของนายเลิศ นายย้อย และนางเยื้อน เมื่อบุคคลทั้งสามถึงแก่ความตายโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกในฐานะทายาทของนายเลิศได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวร่วมกับทายาทของนายย้อยและนางเยื้อนจำเลยที่ 1 เป็นมารดาของจำเลยที่ 2 และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดิน 8896 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร (เสนาน้อย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2542 จำเลยทั้งสองได้ล้อมรั้วไม้ไผ่ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินโฉนดเลขที่ 8896 รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 149 ตารางวา โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองระงับการกระทำดังกล่าวแต่จำเลยทั้งสองล้อมรั้งจนแล้วเสร็จ โจทก์จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนแจ้งให้จำเลยที่ 1 ไปยื่นคำขอสอบเขตที่ดินหรือให้โจทก์ไปยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโจทก์จึงไปยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินแต่จำเลยทั้งสองคัดค้านแนวเขตเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจรังวัดออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ได้ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนขนย้ายรั้งไม้ไผ่ที่ล้อมรุกล้ำที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 6/2498 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะปฏิบัติตามคำขอข้างต้น
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้รับมรดกของนายเลิศ โกษะและมิได้เป็นผู้ครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 6/25498 จำเลยที่ 1 ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 8896 ของจำเลยที่ 1 ทางด้านทิศตะวันออกตั้งแต่ปี 2502 ต่อมาจำเลยที่ 1 ยกที่ดินของจำเลยที่ 1 และที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อปี 2536 จำเลยที่ 2 จึงเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน โจทก์มิได้ฟ้องภายใน 1 ปี จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของรวมที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เลขที่ 6/2498 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำเลยที่ 1 เป็นมารดาของจำเลยที่ 2 และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 8896 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร (เสนาน้อย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2542 จำเลยทั้งสองได้ล้อมรั้วไม้ไผ่ในที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินโฉนดเลขที่ 8896 โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองระงับการกระทำดังกล่าวแต่จำเลยทั้งสองล้อมรั้วจนแล้วเสร็จ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองได้ล้อมรั้วไม้ไผ่ที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์ และเมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองระงับการกระทำดังกล่าวแต่จำเลยทั้งสองยังคงทำการล้อมรั้วจนแล้วเสร็จ กรณีย่อมเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองได้แสดงเจตนาแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทนับตั้งแต่วันที่มีการล้อมรั้วไม้ไผ่ คือ ในวันที่ 8 ธันวาคม 2542 ที่โจทก์ฎีกาว่าหลังเกิดเหตุผู้ใหญ่บ้านได้เรียกโจทก์และจำเลยทั้งสองมาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองตกลงกับโจทก์ว่าหามีการรังวัดสอบเขตที่ดินแล้วปรากฏว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยทั้งสองจะคืนให้โจทก์ และต่อมาทั้งสองฝ่ายยังได้ทำบันทึกต่อพนักงานสอบสวนด้วยว่า หากผลการรังวัดสอบเขตที่ดินได้ความว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ใดก็จะดำเนินการฟ้องคดีต่อไป แสดงว่าจำเลยทั้งสองยังเคารพสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์หาใช่เป็นการแย่งการครอบครองไม่และกรณีต้องนำเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 (ที่ถูก มาตรา 193/14) ประกอบมาตรา 1386 โจทก์จึงไม่ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2542 นั้น เห็นว่า การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง นั้น เป็นบทบังคับเรื่องกำหนดเวลาสำหรับฟ้อง ไม่ใช่เรื่องอายุความ จึงไม่อาจนำเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับได้ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทในวันที่ 15 ตุลาคม 2544 ซึ่งเกิน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมขาดสิทธิฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย"
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ขอบอกว่า รู้สึกเป็นกังวลกับผู้ถาม แม้ไม่เคยรู้จักกัน แต่เห็นใจที่มีความเมตตา ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับได้รับผลตอบแทน ที่เจ็บปวด จึงขอบอกเคล็ดลับหรือจุดแตกหักของคดีนี้ เพื่อให้ท่านเดินไปถูกทาง ไม่เสียเปรียบมากจนเกินไป
ผู้ร้อง (ญาติ) เขาคงอ้างว่า เขาเข้ามาแย่งการครอบครองที่ดินแปลงนี้(ของผู้ถาม) เมื่อเจ้าของไม่ได้โต้แย้งภายในหนึ่งปี เขาจึงมีสิทธิครอบครองที่ดีกว่า เพราะมีหลักการของกฎหมายว่า ผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิดีกว่าบุคคลอื่น กฏหมายที่เขาใช้ในการอ้างอิง คือ ปพพ. ม.1367 ม.1368 ม.1369 ม.1370 ม.1371 และม.ม.1375 (ถ้าเจ้าของไม่โต้แย้งภายในหนึ่งปี จะหมดอำนาจฟ้อง) คือแพ้คดีได้ง่ายๆ จะขอยกตัวบทมาตราเหล่านี้ ให้อ่าน ข้างล่างนะครับ
สำหรับคุณ(เจ้าของที่ดิน) เมื่อถูกฟ้อง(เขาร้องว่าเขามีสิทธิครบครองดีกว่า) คุณ มีหน้าที่ สำคัญที่ต้องทำคือ ต้องยื่นคำให้การต่อสู้ตามกำหนดนัด อาจต้องมีทนายความ หรือให้เจ้าหน้าที่ศาลช่วยเหลือก็ได้ แนวทางต่อสู้ คือต้องชี้ให้เห็นว่า คุณเป็นผู้อนุญาตให้ญาติเข้าไปใช้ที่ดิน โดยให้ใช้เปล่า แต่ไม่ได้มีสัญญาใดๆ ญาติจึงไม่ได้สิทธิครอบครอง แม้จะครอบครองเกินหนึ่งปี เพราะไม่ได้แย่งการครอบครอง เขาก็จะพยายามอ้างว่า เขาเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินเอง คือแย่งการครอบครอง ประเด็นนี้จึงเป็น จุดเป็นจุดตายของคดี ถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่า เป็นผู้อนุญาตให้เขา เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน คุณก็ได้เปรียบ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ คือ เขาเข้ามาใช้สอยที่ดินเอง คุณย่อมเสียเปรียบ...การยื่นคำให้การ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าไม่ยื่นฯ จะไม่สามาารถนำพยานหลักฐานเข้านำสืบหักล้างหรือต่อสู้ได้ ก็คงแพ้คดีตั้งแรก ดังนั้นอย่า ชะล่าใจ เมื่อถูกฟ้องต้องยื่นคำให้การไว้ก่อน คุณกีมีข้อต่อสู้ที่หักล้างได้ดีมากๆ คือ คุณเป็นผู้อนุญาต ให้เขาเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน(แต่คงต้องหาพยานมายืนยันให้ชัดเจน) และข้ออ้าง ตาม ม.1373 ที่ระบุว่า ใครมีชื่อในเอกสาร (นส.3) ให้สันนิษฐานว่าเป็๋นเจ้าของ...แต่เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่า คุณเป็นผู้อนุญาตให้เขาใช้ประโยชน์ในที่ดิน คุณน่าจะแพ้คดี...แต่การไกล่เกลี่ยจะช่วยลดบรรยากาศของการต่อสู้ลงได้มาก แต่อย่างไรก็ตาม อย่่าลืมการยื่นคำให้การ ด้วยความปรารถนาดีครับ
กฎหมายที่ใช้อ้างอิง ในการตอบ...
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาฯิชย์
มาตรา 1367 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง
มาตรา 1368 บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้
มาตรา 1369 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินไว้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลนั้นยึดถือเพื่อตน
มาตรา 1370 ผู้ครอบครองนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าครอบครองโดยสุจริตโดยความสงบและโดยเปิดเผย
มาตรา 1371 ถ้าพิสูจน์ได้ว่าบุคคลใดครอบครองทรัพย์สินเดียวกันสองคราวท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นได้ครอบครองติดต่อกันตลอดเวลา
มาตรา 1372 สิทธิซึ่งผู้ครอบครองใช้ในทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสิทธิซึ่งผู้ครอบครองมีตามกฎหมาย
มาตรา 1373 ถ้าทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จดไว้ในทะเบียนที่ดิน ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง
(หลักกฎหมายที่อาจจะ...ทำให้เจ้าของที่ดินแพ้คดี)...
มาตรา 1375 ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่าซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้
การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ท่านว่าต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง