เอาที่ดินคืน

โดย: เม [IP: 182.232.237.xxx]
เมื่อ: 2018-03-11 19:28:25
สืบเนื่องจากพ่อของดิฉัน โอนที่ดินให้กับพี่สาวทั้งหมด และเมื่อไม่นานมานี้ พ่อไปมีเมียน้อย พ่อเริ่มขายทรัพย์สินภายในบ้านทีละน้อย เพื่อนำเงินไปปรนเปรอเมียน้อย และล่าสุด พ่อขู่จะเอาที่ดินคืนจากพี่สาวทั้งหมด โดยอ้างเหตุผลว่าลูกไม่เลี้ยงดูไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วภาระทุกอย่างภายในบ้านลูกๆเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด อีกอย่างช่วงที่พ่อไปมีเมียน้อยพ่อไม่เคยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆเลย ไม่สนใจคนในบ้าน และแยกอยู่คนละบ้านกับแม่ ถ้าพ่อจะฟ้องเอาที่ดินกลับจะทำได้ไหมคะในกรณีแบบนี้ อีกอย่างนึงพ่อมีคดีอยู่ในชั้นศาลด้วยแล้วเขาไม่ไปขึ้นศาลตามหมายนัด แล้วถ้าเป็นแบบนี้เขาจะไปฟ้องร้องเราเรื่องที่ดินอีกได้ไหม
#1 โดย: มโนธรรม [IP: 101.51.70.xxx]
เมื่อ: 2018-03-12 08:07:14
การให้โดยเสน่หา

พ่อ อาจจะ เรียกที่ดินคืนได้ แต่ต้องฟ้องศาลเท่านั้น ด้วยเหตุเนรคุณ เช่น พี่สาวประทุษร้ายต่อพ่อ จนเป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรง หรือ พี่สาวทำให้พ่อเสียชื่อเสียง หรือ พี่สาวบอกปัดไม่ให้สิ่งของที่จำเป็นในการเลี้่ยงชีพ แก่พ่อ ที่พี่สาวสามารถให้ได้ และพ่อต้องฟ้อง ภายใน หกเดือน ที่ทราบเหตุเนรคุณ..แนวทางแก้ไข เหตุสามประการนี้ อยู่ในวิสัยที่สามารถป้องกันได้ ดังนั้น ก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับพ่อ ก็ใช้วิธีหลบๆเลี่ยงๆไม่ปะทะ ถ้ามีการฟ้องก็ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ไม่ได้ทำผิด ในเหตุใดเหตุหนึ่ง แต่อย่างใด แนวคำพิพากษาศาลฎีกาหลายๆฎีกา จะตีความค่อนข้างเคร่งครัด เพราะเหตุเนคุณ ศาลมักไม่ให้คืน...
#2 โดย: มโนธรรม [IP: 101.51.70.xxx]
เมื่อ: 2018-03-12 08:15:28
ฎีกา...เหตุเนรคุณ

ฎีกา 6323/2552

โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยประพฤติเนรคุณเป็น 2 ประการ ประการแรกจำเลยขับไล่และด่าว่าโจทก์ว่า "แก่แล้วทำไมไม่ตายเสียที น่าจะตายให้พ้น ๆ ไป จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น" ประการที่สอง จำเลยไม่ยอมให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ทั้ง ๆ ที่จำเลยสามารถจะหยิบยื่นให้ได้ อันเป็นเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) และ (3) ตามลำดับ แต่เหตุประการแรกโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยด่าว่าโจทก์อย่างไรบ้างที่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) ส่วนเหตุในประการที่สองโจทก์อ้างว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูและไม่ให้ค่าเลี้ยงชีพเมื่อโจทก์ขอ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ยังมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินอีกอย่างน้อย 1 แปลง และโจทก์ยังมีบุตรคนอื่น ๆ ให้การอุปการะเลี้ยงดูอีกด้วย ตามสถานภาพของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคนยากไร้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (3) กรณีจึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะถอนคืนการให้ได้
ฎีกา 8306/2548
จำเลยซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติห่าง ๆ ของโจทก์ทั้งห้า ได้รับการยกให้ที่ดินตามฟ้องจากโจทก์ทั้งห้าโดยเสน่หา ต่อมาโจทก์ทั้งห้าได้ไปต่อว่าจำเลยในเรื่องที่โจทก์ที่ 2 ถูกจำเลยกล่าวหาว่าย้ายหลักหมุดที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย ทำให้จำเลยมีโทสะ ด่าโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ว่า "อีพวกดอกทอง ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกู มึงออกไป ออกไปจากบ้านกู" นั้น เป็นถ้อยคำซึ่งโดยวิสัยชาวบ้านที่ใช้ด่ากัน ดังนี้ แม้ถ้อยคำเช่นนั้นจะไม่สุภาพและไม่สมควรที่จะกล่าวต่อโจทก์ที่ 1 และที่ 2 แต่ก็ไม่อาจรับฟังได้ถึงขั้นว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งห้าอย่างร้ายแรง อันจะเป็นเหตุประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ทั้งห้า โจทก์ทั้งห้าจึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะเรียกถอนคืนการให้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2)
ฎีกา 5756/2540

ตามคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยประพฤติเนรคุณกล่าวคือ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2536 เป็นต้นมา จำเลยไม่ยอมให้อาหารเลี้ยงดูโจทก์อย่างที่เคยปฏิบัติ โดยจำเลยนำอาหารไปวาง ไว้ห่างจากที่โจทก์นั่งอยู่แล้วก็หนีไป ไม่รออยู่ดูแลว่าโจทก์จะ ได้รับประทานหรือไม่ บางครั้งกว่าโจทก์จะคลำไปถูกอาหาร ที่จำเลยนำมาวางไว้ก็ปรากฏว่าสุนัขกินอาหารหมดแล้วโจทก์จึงไม่ได้รับประทานอาหาร บางวันโจทก์ต้องเรียกชาวบ้านข้างเคียงขออาหารมารับประทานเพื่อยังชีพ นอกจากนี้จำเลยไม่สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์ ปล่อยให้โจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานต่าง ๆในเวลาเจ็บป่วยการเข้าห้องส้วมห้องน้ำและการหลับนอน ดังนี้เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่าไม่ได้เอาใจใส่ในการให้อาหารโจทก์รับประทานและมิได้สนใจปรนนิบัติดูแลโจทก์มิใช่กรณีตามบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(3) ที่บัญญัติว่า ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้คำฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เข้าเหตุที่จะเรียกถอนคืนการให้ตามมาตรา 531(3)

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 124,173