คำสั่งให้งดการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ย่อมมีผลทันทีเมื่อศาลมีคำสั่ง แม้คำสั่งนั้นยังไม่ได้ส่งไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13510/2553
โจทก์ บริษัทธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ผู้ร้อง นางสุธาทิพย์ ทินรุ่ง
จำเลย นายพิพัฒน์ เพิ่มพูนสินทรัพย์
หรือนายชั้น แช่เฮง
วิธีพิจารณาความแพ่ง กระบวนพิจารณาผิดระเบียบ
งดการบังคับคดี (มาตรา 27, 292)
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน
2,332,040.39 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปี จากต้นเงิน 2,290,220.74
บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 4 กรกฎาคม 2540) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงิน
มาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้
ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ครบ
ต่อมาจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์ขอให้บังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดไปในราคา 1,000,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยครั้งที่ 11
มีผู้เข้าฟังการประมูล 50 คน
ผู้ร้องเป็นผู้ให้ราคาสูงสุดโจทก์คัดค้านว่าราคาต่ำเกินไป
เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเลื่อนการขายทอดตลาดไป
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดทรัพย์
เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง
เพราะว่าผู้ร้องได้เสนอราคาสูงสุดจึงเป็นการไม่ชอบ
ขอให้งดการบังคับคดีและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดการบังคับคดีและนัดไต่สวน ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไป
โดยโจทก์ให้ราคาสูงสุดจำนวน 1,000,000 บาท
เป็นการผิดระเบียบฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2)
เพราะว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้แล้ว
การขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขอให้เพิกถอนการบังคับคดี และยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำร้องว่า
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดออกไปเกิดจากการคบคิดฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการสู้ราคาหรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ
ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้อง
ค่าธรรมเนียมการจำหน่ายทรัพย์ในชั้นบังคับคดีและค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "…คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 292 (2) ย่อมมีผลทันทีเมื่อศาลมีคำสั่ง ถึงแม้บทบัญญัติดังกล่าวจะใช้คำว่า
ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีเมื่อศาล
ได้ส่งคำสั่งนั้นไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม แต่ก็มีความหมายเพียงว่า
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำสั่งดังกล่าวของศาลก็ให้งดการบังคับคดีไว้
หาได้มีความหมายเลยไปถึงว่า
คำสั่งให้งดการบังคับคดีจะมีผลต่อเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทราบคำสั่งแล้วเท่านั้นไม่
ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีเมื่อวันที่ 6
กรกฎาคม 2548
ถึงแม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทในครั้งต่อไปเมื่อวันที่
14 กรกฎาคม 2548
โดยไม่ทราบคำสั่งงดการบังคับคดีของศาลชั้นต้นและโจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์รายพิพาทได้ในราคา
1,000,000 บาท ย่อมถือเป็นการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทไปโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดี
ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม
2548 ที่ไม่ถูกต้องนั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทตามคำร้องของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว
ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ
(สมชาย สินเกษม - มานัส เหลืองประเสริฐ -
อุบลรัตน์ ลุยวิกกัย)