ร้องขอครอบครองปรปักษ์ สังหาริมทรัพย์ (หุ้น, รถยนต์) ได้หรือไม่
ฎีกาที่
๗๖๓๑/๒๕๕๓ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอขอให้พิพากษาหรือมีคำสั่งว่า
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้น หมายเลข 36 ถึง 40 หุ้นละ 10,000 บาท
ของบริษัทอิสาณสหะพัฒนาเดินรถ จำกัด และเป็นเจ้าของสิทธิการเดินรถประจำทางหมายเลข
296/24 โดยการครอบครอง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องขอ
ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค
4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และมาตรา 188 (1)
บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลจะต้องมีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอในกรณีนั้นๆ
ได้ แต่กรณีตามคำร้องขอของผู้ร้อง
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในหุ้นโดยการครอบครองปรปักษ์ ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติรับรองให้ผู้ร้องมาใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้
ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทต่อศาล
ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่
เป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา
ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
(5) ประกอบมาตรา 246 และ 247 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องอีกต่อไป
พิพากษายกคำร้องขอ
ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ฎีกาที่
๑๐๕๔๕/๒๕๕๓
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาท
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอ
ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค
3 พิพากษากลับว่า รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บ - 4400
ศรีสะเกษ ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายวิรัตน์ ผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1382 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
“เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน บ - 4400 ศรีสะเกษ โดยการครอบครองปรปักษ์อันเป็นคดีที่ไม่มีข้อพิพาท
ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และมาตรา 188
(1) บุคคลใดต้องใช้สิทธิทางศาลจะต้องมีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอในกรณีนั้นๆ
ได้ แต่กรณีคำร้องขอของผู้ร้อง
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์รถยนต์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติรับรองให้ผู้ร้องมาใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้
ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทต่อศาล
ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ เป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา
ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
(5) ประกอบมาตรา 246 และ 247 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น
ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านอีกต่อไป”
พิพากษากลับให้ยกคำร้องขอ
ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ