หลักเกณฑ์การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้าใดเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2040/2552 |
|
ป.วิ.พ. มาตรา 255 วรรคสอง
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ.2539 มาตรา
38
พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า
พ.ศ.2534 มาตรา
7, 65 วรรคสอง
พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 65 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง
มิใช่บทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้อง
และเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้จำเลยไม่ได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ
จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง
การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้าใดเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงหรือไม่นั้น
ต้องพิจารณาจากคำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าว่าจะสามารถสื่อให้สาธารณชนทราบหรือเข้าใจถึงสินค้าได้เพียงใด
หากสาธารณชนสามารถทราบหรือเข้าใจได้ทันทีเพราะคำดังกล่าวเป็นคำสามัญทั่วไปสำหรับสินค้าหรือใช้วิจารณญาณเพียงเล็กน้อยก็สามารถทราบหรือเข้าใจได้ว่าสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้านั้นเป็นสินค้าประเภทหรือชนิดใด
เพราะคำดังกล่าวเป็นคำพรรณนาสำหรับสินค้าแล้ว
คำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าดังกล่าวย่อมเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
แต่หากสาธารณชนยังต้องใช้วิจารณญาณพอสมควรในการพิจารณาจึงจะเข้าใจได้ว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสื่อให้ทราบถึงสินค้าประเภทหรือชนิดใด
เพราะคำดังกล่าวเป็นเพียงคำแนะนำของสินค้าแล้ว
คำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าดังกล่าวยังไม่อาจถือว่าเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงได้
เครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ไม่มีความหายหรือคำแปลในพจนานุกรม
แต่เป็นการนำคำ 2 คำ มารวมกัน คือคำว่า “AQUA” กับ “FEED” ซึ่งจำเลยเองนำสืบว่า “AQUA” มีความหมายว่า “น้ำ” ส่วนคำว่า “FEED” มีความหมายว่า “ให้อาหาร, เลี้ยง, เลี้ยงให้อ้วน” เมื่อนำมารวมกันแล้ว
หากให้ความหมายหรือคำแปลเพียงในทำนองว่า “การให้อาหารสำหรับ/เกี่ยวกับ/ของน้ำ” จึงเห็นได้ชัดเจนว่าคำนี้ไม่ใช่คำสามัญทั่วไปของสินค้าอาหารสัตว์
และไม่อาจถือว่าเป็นคำพรรณนาสำหรับสินค้าอาหารสัตว์ด้วย
เพราะไม่ได้พรรณนาถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าอาหารสัตว์โดยตรง
หากจะคิดพิจารณาต่อไปว่าเป็นคำที่กล่าวถึง “อาหารสำหรับสัตว์น้ำ” ก็จะต้องเชื่อมโยงคำว่า “AQUA” กับสัตว์น้ำ
หาใช่ว่าจะสามารถทราบหรือเข้าใจได้ในทันที
หรือเมื่อใช้วิจารณญาณเพียงเล็กน้อยตามที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ ดังนั้น เครื่องหมายการค้าคำว่า“AQUAFEED” จึงไม่ถือว่าเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
และถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสอง (2)
________________________________
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับโอนเครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ทะเบียนเลขที่ ค.8998 เพื่อใช้กับสินค้าจำพวก 31 รายการ สินค้า อาหารกุ้ง
จากบริษัทแอควาสตาร์ จำกัด ต่อมาบริษัทคาร์กิลล์ อินคอร์ปอเรเต็ด
ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์
คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์
เพราะไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะ โจทก์ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบริษัทคาร์กิลล์
อินคอร์ปอเรเต็ด ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีลักษณะบ่งเฉพาะโดยตัวเองและโดยการใช้ ขอให้พิพากษาว่า
เครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ทะเบียนเลขที่
ค.8998 ของโจทก์เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะ
คำสั่งของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่ 5/2548
เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ทะเบียนเลขที่ ค.8998 ต่อไป
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า
คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งโดยสุจริต ถูกต้องตามหลักกฎหมาย
ตรงต่อข้อเท็จจริง และเป็นธรรมแล้ว บริษัทคาร์กิลล์ อินคอร์ปอเรเต็ด
เป็นผู้ผลิตอาหารเสริมสำหรับสัตว์ และเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “CARGILL
AQUAFEED” ต่อมาได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า “CARGILL
AQUAFEED” ประกอบกับรูปปลาในลักษณะประดิษฐ์
แต่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิจารณาเห็นว่าไม่มีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนให้
เพราะเหมือนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว รวมทั้งเครื่องหมายการค้าทะเบียนเลขที่
ค.8998 และให้ปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวในคำว่า “AQUAFEED” การใช้สิทธิขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าเป็นไปโดยสุจริต
คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าพิจาณาแล้วเห็นว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะ
นอกจากนี้ หลักฐานของโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่า
เครื่องหมายการค้าของโจทก์มีการโฆษณาหรือใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย
จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์
ซึ่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่
5/2548 ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันว่า
โจทก์รับโอนเครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ทะเบียนเลขที่
ค.8998 จากบริษัทแอควาสตาร์ จำกัด ต่อมาบริษัทคาร์กิลล์ อินคอร์ปอเรเต็ด
ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์ โจทก์ยื่นหนังสือชี้แจง
แต่คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์
เพราะไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะ
สำหรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
เนื่องจากโจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นระยะเวลา 90 วัน
ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 65 นั้น เห็นว่า มาตรา 65
วรรคสอง บัญญัติว่า “ผู้ร้องขอให้เพิกถอน
เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น
หรือผู้ได้รับอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งต่อศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งของคณะกรรมการ
ถ้าไม่อุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคำสั่งของคณะกรรมการเป็นที่สุด” ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง
มิใช่บทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้อง
และเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น
แม้จำเลยจะไม่ได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ
จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงแห่งคดีปรากฏว่า คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งเพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์เมื่อวันที่
28 กรกฎาคม 2548 จำเลยให้การรับอยู่ว่า มีการแจ้งให้โจทก์ทราบคำสั่งดังกล่าว
ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2548
ซึ่งหลักฐานทางไปรษณีย์ตามเอกสารท้ายคำให้การของจำเลยปรากฏว่า
โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีวันที่
28 พฤศจิกายน 2548 จึงถือว่าโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 90 วัน
นับแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า
อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อมามีว่า
เครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ของโจทก์
เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะหรือไม่โดยจำเลยอุทธรณ์ในทำนองว่า
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
เห็นว่า การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้าใดเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงหรือไม่นั้น
ต้องพิจารณาจากคำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าว่าจะสามารถสื่อให้สาธารณชนทราบหรือเข้าใจถึงสินค้าได้เพียงใด
หากสาธารณชนสามารถทราบหรือเข้าใจได้ในทันที
เพราะคำดังกล่าวเป็นคำสามัญทั่วไปสำหรับสินค้าหรือใช้วิจารณญาณเพียงเล็กน้อยก็สามารถทราบหรือเข้าใจได้ว่าสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้านั้นเป็นสินค้าประเภทหรือชนิดใด
เพราะคำดังกล่าวเป็นคำพรรณนาสำหรับสินค้าแล้ว
คำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าดังกล่าวย่อมเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
แต่หากสาธารณชนยังต้องใช้วิจารณญาณพอสมควรในการพิจาณาจึงจะเข้าใจได้ว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวสื่อให้ทราบถึงสินค้าประเภทหรือชนิดใด
เพราะคำดังกล่าวเป็นเพียงคำแนะนำของสินค้าแล้ว
คำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเป็นเพียงคำแนะนำของสินค้าแล้ว
คำที่นำมาใช้เป็นเครื่องหมายการค้าดังกล่าวยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรงได้
สำหรับคดีนี้เครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” ไม่มีความหมายหรือคำแปลในพจนานุกรมแต่เป็นการนำคำ
2 คำ มารวมกัน คือคำว่า “AQUA” กับ “FEED” ซึ่งจำเลยเองนำสืบว่า“AQUA” มีความหมายว่า “น้ำ” ส่วนคำว่า “FEED” มีความหมายว่า “ให้อาหาร, เลี้ยง, เลี้ยงให้อ้วน” เมื่อนำมารวมกันแล้ว
หากให้ความหมายหรือคำแปลตามรูปไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ
ก็จะมีความหมายหรือคำแปลเพียงในทำนองว่า “การให้อาหารสำหรับ/เกี่ยวกับ/ของน้ำ” จึงเห็นได้ชัดเจนว่าคำนี้ไม่ใช่คำสามัญทั่วไปของสินค้าอาหารสัตว์
และไม่อาจถือว่าเป็นคำพรรณนาสำหรับสินค้าอาหารสัตว์ด้วย
เพราะไม่ได้พรรณนาถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าอาหารสัตว์โดยตรง
หากจะคิดพิจารณาต่อไปว่าเป็นคำที่กล่าวถึง “อาหารสำหรับสัตว์น้ำ” ก็จะต้องเชื่อมโยงคำว่า “AQUA” กับสัตว์น้ำ
หาใช่ว่าจะสามารถทราบหรือเข้าใจได้ในทันที
หรือเมื่อใช้วิจารณญาณเพียงเล็กน้อยตามที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ ดังนั้น
เครื่องหมายการค้าคำว่า “AQUAFEED” จึงไม่ถือว่าเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
และถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7
วรรคสอง (2) ดังนั้น
การที่คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำสั่งให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์จึงไม่ชอบ
ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย
อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยอีกต่อไป
เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
( บุญรอด ตันประเสริฐ - พลรัตน์ ประทุมทาน - เอกชัย
ชินณพงศ์ )