เอกสารประชาสัมพันธ์ยังไม่ถือว่าเป็นงานสร้างสรรค์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2553
บริษัทบิสซิเนส คอนซัลแทนท์ เซ็นเตอร์
จำกัด โจทก์
นายคำรณ เรืองดิษฐ์ กับพวก จำเลย
ป.อ. มาตรา 272(1)
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4
เอกสารประชาสัมพันธ์เป็นการเชิญชวนให้ลูกค้าของโจทก์เข้าร่วมสัมมนาที่โจทก์จัดขึ้น
องค์ประกอบสำคัญของเอกสารประชาสัมพันธ์การอบรมสัมมนาดังกล่าว
ไม่ว่าผู้ใดจัดอบรมสัมมนาก็ต้องระบุชื่อผู้จัดการอบรม ชื่อหลักสูตร หัวข้อการอบรม
ชื่อวิทยากร อัตราค่าอบรม วัน เวลา สถานที่อบรม
เพื่อเป็นข้อมูลให้ลูกค้าใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะอบรมหรือไม่
ซึ่งล้วนเป็นรายละเอียดที่จำต้องระบุไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ทั่วไป ดังนั้น
ชื่อหรือหัวข้อหลักสูตรการสัมมนาตามเอกสารประชาสัมพันธ์ของผู้จัดแต่ละสถาบันจึงอาจซ้ำกันได้
เมื่อพิจารณาเอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์แล้ว
ส่วนที่สำคัญที่เป็นสาระคือหัวข้อสัมมนาหรืออบรม
ซึ่งแม้จะมีการรวบรวมข้อมูลจัดลำดับเกี่ยวกับทางบัญชีและกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร
ก็เป็นเพียงเนื้อหาบางส่วนของชื่อหัวข้อซึ่งอาจจะซ้ำกับคนอื่นได้
เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์ดังกล่าว จึงยังไม่ถึงกับเป็นการใช้ความรู้ความสามารถ
สติปัญญาวิริยะอุตสาหะที่เพียงพอถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการริเริ่มสร้างสรรค์งานนิพนธ์อันเป็นวรรณกรรมที่จะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์
ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามที่ออกเอกสารประชาสัมพันธ์ในการจัดอบรม
แม้จะมีลักษณะข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการสัมมนาของโจทก์อยู่บ้าง
จึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์
และเมื่อพิจารณาเอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์เปรียบกับของจำเลยทั้งสามแล้ว
จะเห็นได้ว่า แม้เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์และจำเลยต่างวางตำแหน่งรูปรอยประดิษฐ์ลูกโลกอยู่ที่มุมบนด้านซ้ายของเอกสารเหมือนกัน
ลูกโลกกลมมีขนาดเท่ากัน ตรงบริเวณกลางลูกโลกต่างมีคำภาษาอังกฤษว่า “CONSULTANT”
เหมือนกัน แต่รูปลูกโลกของโจทก์อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม
ส่วนของจำเลยทั้งสามไม่มีกรอบสี่เหลี่ยม ของโจทก์จะมีคำภาษาอังกฤษคำว่า “BUSINESS”
เหนือคำว่า “CONSULTANT” แต่ของจำเลยทั้งสามเป็นคำภาษาอังกฤษว่า
“ADVANCE” เมื่อพิจารณาในส่วนที่เป็นภาพรวมแล้วยังมีความแตกต่างกันในนัยสำคัญมาก
ไม่อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเอกสารประชาสัมพันธ์ของจำเลยทั้งสามเป็นเอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์
การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันนำเอา ชื่อ รูป
รอยประดิษฐ์รูปลูกโลกในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น
ตาม ป.อ. มาตรา 272 (1)
________________________________
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8, 9, 15, 27, 31, 69, 70 และมาตรา 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 272
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล
ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า
จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1) ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 15 วัน และปรับคนละ 2,000 บาท
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,
30 ให้ริบเอกสารประชาสัมพันธ์จำนวน 9 ฉบับ
ซึ่งเป็นเอกสารที่จำเลยทั้งสามใช้ในการกระทำความผิด คำขออื่นให้ยก
ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27
(1) (2) ประกอบมาตรา 69 ให้ยกเสีย
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า
จำเลยทั้งสามร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 นิยามคำว่า “ผู้สร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
ซึ่งงานสร้างสรรค์ดังกล่าวผู้สร้างสรรค์จะต้องสร้างสรรค์ด้วยตนเอง
กล่าวคือมิได้ลอกเลียนผู้อื่นและต้องใช้ความรู้ความสามารถสติปัญญาในระดับหนึ่งเพื่อจะก่อให้เกิดงานนั้น
การที่นางสาวหทัยรัตน์กรรมการโจทก์เบิกความว่า
เป็นผู้จัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์อันประกอบด้วย ชื่อหลักสูตร สาระสำคัญของหลักสูตร
หัวข้อการอบรม อัตราค่าอบรม ชื่อวิทยากร และเอกสารประชาสัมพันธ์
ซึ่งจะบอกให้ลูกค้าทราบรายละเอียดในการอบรมสัมมนา
เพื่อเป็นข้อพิจารณาว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์อย่างไรเพื่อตัดสินใจเข้าอบรมสัมมนาหรือไม่
นางสาวหทัยรัตน์จัดทำหลักสูตรโดยนำข้อมูลมาจาก (1) ประสบการณ์ที่ได้จัดฝึกอบรมมาเป็นเวลา
13 ปี (2) จากการฝึกอบรมจึงทราบถึงปัญหา
แนวทางการตอบปัญหาจากการรวบรวมคำถามที่มีการถามในระหว่างการฝึกอบรม (3) การติดตามกฎหมายภาษีอากรที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (4) จากการเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทต่าง ๆ จึงทราบปัญหา (5) จากคำแนะนำของ
ดร.อรรถพลสามีของนางสาวหทัยรัตน์เองซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี คณบดี
บัณฑิตวิทยาลัย สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม
และเคยเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ดังนั้น
เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์เป็นเอกสารสำคัญต่อการประกอบธุรกิจของโจทก์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการของโจทก์
เป็นงานวรรณกรรมที่สร้างสรรค์ เป็นการนำข้อมูลที่รวบรวม
คัดเลือกและจัดลำดับเข้าด้วยกันโดยไม่ได้ลอกเลียนงานของผู้อื่น
ทั้งยังนำข้อกฎหมายเกี่ยวกับการหักภาษี ณ
ที่จ่ายมารวบรวมเรียบเรียงจัดลำดับใหม่เป็นหลักสูตรในการอบรมในเอกสารประชาสัมพันธ์
โดยความเพียรพยายามอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานดังกล่าวนั้น เห็นว่า
เอกสารประชาสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นการเชิญชวนให้ลูกค้าของโจทก์เข้าร่วมสัมมนาที่โจทก์จัดสัมมนาขึ้น
องค์ประกอบสำคัญของเอกสารประชาสัมพันธ์การอบรมสัมมนาดังกล่าวไม่ว่าผู้ใดจัดอบรมสัมมนาก็ต้องระบุชื่อผู้จัดการอบรม
ชื่อหลักสูตร หัวข้ออบรม ชื่อวิทยากร อัตราค่าอบรม วัน เวลา สถานที่อบรม
เพื่อเป็นข้อมูลให้ลูกค้าใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะอบรมหรือไม่ ล้วนเป็นรายละเอียดที่ต้องระบุไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์โดยทั่วไป
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ส่วนที่เป็น “หัวข้อการอบรม”
ส่วนชื่อของหลักสูตรหรือหัวข้อของหลักสูตรอาจซ้ำกันได้
เป็นเรื่องที่บุคคลโดยทั่วไปต้องรับรู้ ใครก็สามารถจัดอบรมได้
ซึ่งนางสาวผ่องพรรณผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชายรองคณบดีฝ่ายการเงิน
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และเป็นวิทยากรให้แก่โจทก์และบริษัทรับจัดฝึกอบรม กับนายสุพัฒน์ผู้สอบบัญชี
รับอนุญาตเป็นวิทยากรเกี่ยวกับบัญชีและภาษีอากรต่างเบิกความในทำนองเดียวกันว่า
การจัดอบรมสัมมนา ชื่อ หัวข้อหลักสูตรสัมมนาของแต่ละสถาบันจะซ้ำกัน
เป็นเรื่องที่สาธารณชนทั่วไปต้องรับรู้
แต่เอกสารประชาสัมพันธ์ของผู้จัดแต่ละแห่งจะไม่ซ้ำกัน
โดยมีรายละเอียดและเทคนิคการเชิญชวนให้คนสนใจเข้าร่วมสัมมนาต่างกัน ซึ่งนายสาธิตกรรมการบริษัทรุ่งศิลป์
โพลีพลาสท์ จำกัด ผู้เคยร่วมสัมมนากับโจทก์ก็เบิกความยืนยันความในข้อนี้
โดยเฉพาะนางสาวผ่องพรรณยืนยันว่า ชื่อหลักสูตรอาจซ้ำกันได้ ใครก็สามารถจัดอบรมได้
เช่น ชื่อเรื่อง “BALANCE SCORE CARD” มีการจัดหลายหน่วยงานด้วยกัน
ดังนั้น ชื่อหรือหัวข้อหลักสูตรการสัมมนาตามเอกสารประชาสัมพันธ์ของผู้จัดแต่ละสถาบันจึงซ้ำกันได้
ไม่ใช่เป็นสาระสำคัญของเอกสารประชาสัมพันธ์ โดยนางสาวผ่องพรรณเบิกความว่า
ที่สำคัญคือการอบรมซึ่งหัวข้อการอบรมเกี่ยวกับการบัญชีใช้เวลาอบรม 18 - 27 ชั่วโมง กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรและการบัญชีประมวลรัษฎากรใช้เวลาอบรมจำนวน
9 ชั่วโมง
เมื่อพิจารณาเอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์เป็นเพียงเอกสารโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่กิจการของโจทก์เพื่อผลประโยชน์ของโจทก์เท่านั้น
ไม่ใช่เป็นเอกสารใช้ประกอบการอบรมหรือสัมมนา หรือเป็นเอกสารที่ต้องใช้ความรู้
ความสามารถและความวิริยะอุตสาหะสร้างสรรค์ขึ้นมา
ส่วนที่สำคัญที่เป็นสาระคือหัวข้อสัมมนาหรืออบรมมีจำนวน 8
ชุด เฉลี่ยแล้วมีเนื้อหาประมาณ 22 บรรทัด เท่านั้น
แม้จะมีการรวบรวมข้อมูลจัดลำดับเกี่ยวกับทางบัญชีและกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรซึ่งก็เป็นเพียงเนื้อหาบางส่วนของชื่อหัวข้อหลักสูตรที่อาจซ้ำกับบุคคลอื่น
ๆ ดังกล่าว เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์ยังไม่ถึงกับเป็นการใช้ความรู้ความสามารถ
สติปัญญา
และความวิริยะอุตสาหะที่เพียงพอถึงขนาดที่จะถือว่าเป็นการริเริ่มสร้างสรรค์งานนิพนธ์อันเป็นวรรณกรรมที่จะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ดังกล่าว
การกระทำของจำเลยทั้งสามที่ออกเอกสารประชาสัมพันธ์ในการจัดการอบรม
แม้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการสัมมนาของโจทก์อยู่บ้าง
ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์เอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27 (1)
(2) ประกอบมาตรา 69
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาชอบแล้ว
อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปมีว่า
การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดฐานร่วมกันนำเอาชื่อ รูป
รอยประดิษฐ์รูปลูกโลกในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 272
(1) หรือไม่ เมื่อพิเคราะห์เอกสารประชาสัมพันธ์ของจำเลยทั้งสามเปรียบเทียบกับของโจทก์แล้ว
จะเห็นได้ว่า แม้รูป
รอยประดิษฐ์รูปโลกเอกสารประชาสัมพันธ์ทั้งของโจทก์และของจำเลยทั้งสามต่างวางตำแหน่งรูปลูกโลกอยู่ที่มุมบนด้านซ้ายของเอกสารเหมือนกัน
ลูกโลกกลมมีขนาดเท่ากัน ตรงบริเวณกลางลูกโลกต่างมีคำภาษาอังกฤษว่า “CONSULTANT”
เหมือนกัน แต่รูปลูกโลกของโจทก์อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม
รูปลูกโลกของจำเลยทั้งสามจะไม่มีกรอบสี่เหลี่ยม ภาษาอังกฤษเหนือคำว่า “CONSULTANT”
ของโจทก์จะมีคำภาษาอังกฤษว่า “BUSINESS” แต่ของจำเลยทั้งสามเป็นคำภาษาอังกฤษว่า
“ADVANCE” เมื่อพิจารณาในส่วนที่เป็นภาพรวมแล้ว
ยังมีความแตกต่างกันในนัยสำคัญ
ไม่อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเอกสารประชาสัมพันธ์ของจำเลยทั้งสามเป็นเอกสารประชาสัมพันธ์ของโจทก์
การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272
(1) ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานนี้มาด้วยนั้น
ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า
ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานร่วมกันนำเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้
เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 272
(1) คืนเอกสารให้แก่เจ้าของ
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
( ประจวบ
พัชนีรัตนกรณ์ - อร่าม เสนามนตรี - ธนพจน์ อารยลักษณ์ )
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
- นายสุรพล คงลาภ