โช้กอัพ ไม่ปรากฏในรายการจดทะเบียน ดังนั้น การโหลดโช้กอัพให้ต่ำลง และถอดนอตที่บริเวณโช้กอัพออก เป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๐๘๗/๒๕๕๖
โช้กอัพ ไม่ปรากฏในรายการจดทะเบียน
ดังนั้น การโหลดโช้กอัพให้ต่ำลง และถอดนอตที่บริเวณโช้กอัพออก เป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้
หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๐๘๗/๒๕๕๖
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๐๘๗/๒๕๕๖
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติรถยนต์
พ.ศ.2522 มาตรา 7, 14, 60
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง,
60 ปรับ 800 บาท
จำเลยให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ
ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 600 บาท
ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า วันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง
จำเลยดัดแปลงระบบรองรับน้ำหนักด้านหน้า (โช้กอัพ) ของรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน
ขพพ ลำปาง 382 ให้ต่ำลงประมาณ 1 นิ้วถึง 1 นิ้วครึ่ง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า
จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า
แม้รายการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขพพ ลำปาง 382
ไม่ปรากฏว่าได้มีการระบุระบบรองรับน้ำหนัก (โช้กอัพ) ของรถจักรยานยนต์ไว้ก็ตาม
แต่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 7 (1) บัญญัติว่า "รถที่จะขอจดทะเบียนได้ต้องเป็นรถที่มีส่วนควบและมีเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง"
ซึ่งตามกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ.2551
ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 (2) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์
พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2542
และมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ข้อ 5 กำหนดว่า
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์สาธารณะ
ต้องมีและใช้ส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ตามข้อ 3 (7) คือ ระบบรองรับน้ำหนัก
ที่สามารถลดแรงสั่นสะเทือน และรองรับน้ำหนักขณะที่มีน้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
เช่นนี้
รถจักรยานยนต์ที่จะจดทะเบียนได้จึงต้องเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีระบบรองรับน้ำหนัก
ที่สามารถลดแรงสั่นสะเทือน
และรองรับน้ำหนักขณะที่มีน้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยตามที่บัญญัติไว้ในบทบัญญัติและกฎกระทรวงดังกล่าวด้วย
ดังนี้ รายการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 14
จึงมิได้หมายความเฉพาะรายการต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในรายการจดทะเบียนเท่านั้น
แต่ยังหมายความรวมถึงส่วนควบและอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์ตามกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ
พ.ศ.2551 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 (1) ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5
วินิจฉัยว่าจะตีความรายการที่จดทะเบียนไว้ตามมาตรา 14
หมายความรวมถึงส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถตามกฎกระทรวง
ซึ่งมีระบบรองรับน้ำหนักรวมอยู่ด้วยไม่อาจทำได้นั้น เห็นว่า
หากเป็นเช่นนั้นรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนก็คงมีรายการจดทะเบียนเฉพาะประเภทรถ
ลักษณะรถ ยี่ห้อรถ แบบ รุ่น สีรถ เลขตัวรถ ยี่ห้อเครื่องยนต์ เลขเครื่องยนต์
เชื้อเพลิง จำนวนสูบ แรงม้า/กิโลวัตต์ น้ำหนักรถ น้ำหนักบรรทุก/น้ำหนักลงเพลา
น้ำหนักรวม ที่นั่งตามรายการจดทะเบียนเท่านั้น
ซึ่งย่อมไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่ต้องการคุ้มครองผู้ใช้รถให้ได้รับความปลอดภัย
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยดัดแปลงระบบรองรับน้ำหนักด้านหน้า
(โช้กอัพ) ของรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน ขพพ ลำปาง 382 ให้ต่ำลงประมาณ 1
นิ้วถึง 1 นิ้วครึ่ง
และได้ความจากคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการตรวจรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าทุกรุ่นว่า
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขโช้กอัพหน้าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้เนื่องจากระยะการยุบตัวของโช้กอัพเหลือน้อยลง
ทำให้การซัพแรงกระแทกระหว่างล้อกับแกนโช้กอัพลดน้อยลง
หากตกหลุมอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับได้
และพยานโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายช่างตรวจสภาพรถชำนาญงาน สำนักงานขนส่งจังหวัดลำปาง
เบิกความและเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า
พยานตรวจสอบรถจักรยานยนต์ของกลางพบว่ามีการโหลดโช้กอัพให้ต่ำลงจากเดิมประมาณ 1
นิ้ว และมีการถอดนอตที่บริเวณโช้กอัพออกข้างละ 1 ตัว
ซึ่งอาจเกิดการเลื่อนขึ้นเลื่อนลงไม่ปลอดภัยเช่นเดียวกับกรณีมีนอต 2 ตัว ยึดไว้
จึงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยทำให้ระบบรองรับน้ำหนัก ที่สามารถลดแรงสั่นสะเทือน
และรองรับน้ำหนักขณะที่มีน้ำหนักเต็มอัตราบรรทุกไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ
พ.ศ.2551
อันเป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้และใช้รถ
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ไม่ได้นำรถจักรยานยนต์ไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพก่อนและได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนโดยแก้ไขเพิ่มเติมรายการในทะเบียนและใบคู่มือจดทะเบียนรถ
จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 60 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5
พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ
ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
(พศวัจณ์ กนกนาก-อภิรัตน์ ลัดพลี-ธงชัย
เสนามนตรี)