-
-
บทบรรณาธิการ
-
คำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ
-
รถหายในห้างสรรพสินค้า ห้างฯต้องรับผิดชอบ
-
ผู้เช่า (หัวหมอ) ฟ้องผู้ให้เช่า บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ และ ลักทรัพย์ แต่ (เงิบ) ด้วยข้อสัญญาเช่า จึงเป็นอุทธรณ์(เห่า) ของผู้ให้เช่า ในการเขียนสัญญาเช่า ให้รอดพ้นจากคดีดังกล่าวหลังจากสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้ว
-
คำสั่งให้งดการบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ย่อมมีผลทันทีเมื่อศาลมีคำสั่ง แม้คำสั่งนั้นยังไม่ได้ส่งไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบก็ตาม
-
สัญญากู้ลงชื่อผู้กู้ฝ่ายเดียว ไม่ใช่ตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ เป็นเพียงหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือเท่านั้น
-
การครอบครองปรปักษ์ยังไม่ครบ ๑๐ ปี เจ้าของที่ดินโอนไปยังบุคคลภายนอก การครอบครองย่อมสิ้นสุดลง ต้องเริ่มนับใหม่
-
ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้
-
ร้องขอครอบครองปรปักษ์ สังหาริมทรัพย์ (หุ้น, รถยนต์) ได้หรือไม่
-
คนต่างด้าวร้องขอครอบครองปรปักษ์คอนโดได้หรือไม่
-
หัวสัญญาระบุว่า สัญญาซื้อขาย โดยจำเลยเป็นผู้ซื้อ โจทก์เป็นผู้ขาย มีรายละเอียดของแบบสินค้า จำนวนชุด ราคา วันจัดส่ง แต่ในเนื้อหาสาระของสัญญายังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับผ้า วัสดุอุปกรณ์ กรรมวิธีการผลิต หีบห่อ และเศษวัสดุจากการตัดเย็บและสินค้าคุณภาพรองไว้ด้วย เช่นน
-
สัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่า จะมีผลผูกพันผู้รับโอนหรือไม่ แม้ผู้รับโอนจะรู้เห็นถึงการเช่าและรับโอนตึกแถวพิพาทมา
-
พวกไกด์ผีระวังไว้นะ
-
สัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดิน(ที่ดินจัดสรร) ที่มีข้อกำหนดของสัญญาว่า ค่าภาษีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนโอน ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระทั้งหมด มีผลบังคับใช้ได้หรือไม่
-
ด่ากันทางโทรศัพท์ มีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือไม่
-
จอดรถไว้บริเวณลานจอดรถของโรงแรม โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำอยู่บริเวณลาดจอดรถ หากรถหาย โรงแรมจะต้องรับผิดชอบหรือไม่
-
ผู้ให้กู้ กรอกจำนวนเงินกู้ในสัญญากู้ เกินกว่าความจริง ผู้กู้ต้องชดใช้เงินตามที่ผู้ให้กู้กรอกไว้หรือไม่ และผู้ให้กู้มีความผิดฐานใดบ้าง
-
ผู้กู้ ยินยอมให้ดอกเบี้ยแก่ ผู้ให้กู้ ในอัตราที่ขัดต่อกฎหมาย (เกินกว่าร้อยละ ๑๕ ต่อปี)ผู้ให้กู้ มีความผิดหรือไม่ (กู้นอกระบบ)
-
ผู้ขายฝากมีเงินไถ่ที่ดินที่ขายฝากภายในกำหนดเวลาตามสัญญา แต่ผู้ซื้อฝากไม่ยินยอมให้ไถ่ ผู้ขายฝากจะไถ่ที่ดินที่ขายฝากด้วยวิธีใด
-
อ้างว่า ไฟแนนซ์ให้มายึดรถที่ค้างค่างวดคืน ถ้าไม่อยากให้ยึด ต้องจ่ายค่าติดตามมา อย่างนี้ ผู้เช่าซื้อจะดำเนินคดีอาญากับพวกแอบอ้างอย่างนี้ได้หรือไม่
-
ผู้กู้ เขียนข้อความว่า "เพื่อชำระหนี้เงินกู้" ไว้ด้านหลังเช็คและลงลายมือชื่อไว้เท่านั้น ถือว่า เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน หรือไม่
-
ผู้เช่าซื้อ ขายดาวน์ ให้แก่ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อใช้ชื่อและที่อยู่ของบุคคลอื่นเป็นผู้ซื้อ เมื่อได้รับมอบรถยนต์ไปแล้ว ก็ไม่ยอมมาทำสัญญาเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อ อย่างนี้ ผู้ซื้อจะมีความผิดอาญา ฐานใด
-
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ร้องขอบังคับคดีภายใน 10 ปี จะยังมีสิทธิบังคับเอาแก่ทรัพย์จำนองได้หรือไม่
-
กรณีของคุณชูวิทย์ ที่เปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลฎีกามีคำตอบอย่างนี้
-
ใช้นิ้วมือสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของเด็ก เป็นความผิดฐานกระทำชำเรา ไม่ใช่อนาจาร
-
เจ้าของที่ดินเดิมมีเจตนาอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะย่อมมีผลให้ที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทันที โดยไม่จำต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่อาจซื้อกันได้ ผู้ซื้อย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่เป็นทางสาธารณะ
-
พฤติการณ์เช่นใดที่แสดงว่า สามียกย่องหญิงอื่นฉันภริยาแล้ว ซึ่งเมียหลวงมีสิทธิฟ้องหย่า และเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรกับเรียกค่าทดแทนจากสามีและเมียน้อยได้
-
การด่าผู้อื่นว่า “ตอแหล” ผิดดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือไม่
-
เงินเยอะ ซื้อที่ดินมือเปล่าทิ้งไว้ (ภ.บ.ท.5 หรือ สทก.) แต่ไม่ได้ครอบครองตามความเป็นจริง จะฟ้องขับไล่ เอาที่ดิน คืนได้ไหม
-
ซื้อที่ดินโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ ต่อมา อ.บ.ต.ห้ามมิให้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกเงินค่าที่ดินพร้อมดอกเบี้ยคืนจากผู้ขายหรือไม่
-
สิทธิครอบครองที่ดินภ.บ.ท.๕ ซื้อขายกันได้หรือไม่ และเมื่อผู้ซื้อเข้าครอบครองที่ดินแล้ว จะเปลี่ยนใจขอเงินคืนได้หรือไม่
-
ผู้ชำระบัญชี ยังไม่ได้ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้บริษัท แต่กลับไปจดเสร็จการชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ด้วยหรือไม่
-
ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ มีเพียงบัตรพร้อมรหัสใช้กดถอนเงิน จะถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมที่จะใช้ฟ้องร้องกันได้หรือไม่
-
เป็นหนี้เงินกู้ยืมแล้วไม่ชำระ เจ้าหนี้เข้าไปยึดทรัพย์สินภายในบ้าน ตามข้อตกลงในสัญญากู้ที่ระบุว่า หากไม่ชำระยินยอมให้ยึดทรัพย์สินได้ เจ้าหนี้จะมีความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่
-
ทำสัญญากู้กันไว้ โดยส่งมอบโฉนดไว้เป็นประกัน ผู้กู้จะฟ้องเรียกโฉนดคืนได้หรือไม่ เมื่อยังไม่ชำระหนี้ หรือในกรณีส่งมอบโฉนดไว้เป็นประกัน แต่ไม่ได้ทำสัญญากู้กันไว้ หรือ ศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แล้ว แต่ไม่ได้บังคับภายใน ๑๐ ปี เจ้าหนี้ยังยึดโฉนดไว้ได้หรือไม่ จนกว่า
-
ผู้กู้ มอบโฉนดให้ ผู้ให้กู้ ไว้เป็นประกันการกู้ยืม ต่อมาผู้กู้ไปแจ้งความว่า โฉนดหายไปและไปขอออกใบแทนแล้วโอนให้แก่ผู้อื่นไป ผู้ให้กู้เป็นผู้เสียหายที่จะฟ้อง ผู้กู้แจ้งความเท็จ ได้หรือไม่ และผู้ให้กู้ต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ได้ที่ดินคืนมาประกันการชำระห
-
ผู้จัดการมรดกโอนที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกเป็นของตนเอง แล้วโอนต่อไปให้บุคคลภายนอกโดยไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาทโดยธรรมคนอื่น ทายาทจะตั้งรูปคดีอย่างไร เพื่อไม่ให้ฟ้องขาดอายุความ
-
ที่ดิน ภ.บ.ท.5 ซื้อขายกันได้ แต่ถ้าเป็นที่สาธารณประโยชน์ สัญญาซื้อขายตกเป็นโมฆะ
-
นักข่าวต้องการข่าว ไปล่อซื้อเพื่อให้เป็นข่าว
-
รถถูกขโมยไปจากคอนโด ใครต้องรับผิดชอบ
-
ถูกขโมยบัตรเครดิตไปใช้ ผู้ถือบัตรต้องรับภาระหนี้ดังกล่าวหรือไม่
-
ไปนวดแผนโบราณในโรงแรมแล้ว รถยนต์หายไป เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดชอบหรือไม่
-
กรณีศึกษา รถหายไปจากห้าง กับ มาตราฐานในการนำสืบข้อเท็จจริง เพื่อให้ห้างต้องรับผิดชอบ
-
ธนาคารหักเงินจากบัตรเดบิตที่ตนเองไม่ได้ใช้ ธนาคารต้องคืนเงินที่หักไปพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่หักเงินไปจากบัญชี
-
แอบถ่ายใต้กระโปรง
-
ซื้อรถยนต์ แต่จดทะเบียนโอนไม่ได้ และไม่ยอมส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถ คู่มือจดทะเบียนและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีประจำปี ต้องฟ้องอย่างไรถึงจะบังคับโอนได้
-
ซื้อบ้านจัดสรร โดยมีข้อตกลงให้ผู้ซื้อเป็นผู้ออกเงินค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ รายได้ส่วนท้องถิ่น และ อากรแสตมป์ ข้อตกลงดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้ ผู้ซื้อสามารถฟ้องเรียกคืนได้ภายใน ๑๐ ปี
-
ร้านอาหารปรุงสำเร็จ อาหารพร้อมปรุง ร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้า (ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ฯลฯ) เมนูอาหารต้องเป็นภาษาไทย ราคาต้องเป็นตัวเลขอารบิค ถ้าไม่มี หรือมี แต่ขายเกินราคา ถูกปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผู้แจ้งจับได้รับสินบนนำจับ ๒๕% ของค่าปรับ
-
ลูกความกล่าวต่อหน้าทนายความว่า “ไอ้ทนายเฮงซวย” เนื่องจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ทนายความ เป็นการดูหมิ่นทนายความ หรือไม่
-
เรื่อง ขี้หมา ขี้หมา
-
ยืมเงินแล้วไม่ยอมใช้ ต่างคนต่างโต้เถียงซึ่งกันและกัน เจ้าหนี้ด่าว่า “มึงโกงกู” ด้วยความโกรธ เป็นหมิ่นประมาทหรือไม่
-
ซื้อรถยนต์มือสองจากบริษัทขายรถยนต์ ต่อมารถยนต์ถูกตำรวจยึด เพราะเจ้าของรถไปแจ้งความว่ารถถูกขโมย ผู้ซื้อรถต้องทำอย่างไร เสียทั้งเงินเสียทั้งรถ
-
ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน (สทก.) เขตปฎิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) สามารถขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่
-
เดิม ซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก.โดยส่งมอบการครอบครองให้แล้ว สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้ซื้อออกจากที่ดินได้ (ฎีกา 2293/2552 และ 3424/2557) ต่อมาศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ผู้ขายที่ดิน ส.ป.ก.ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต (
-
เมียคนไทยมีชื่อและครอบครองที่ดินไว้แทนฝรั่งต่างชาติ แล้วฮุบเอาที่ดินเป็นของตนเองหรือเอาไปขาย ถ้าฝรั่งต่างชาติโวยวายเอาคืน เมียคนไทยระวังจะโดนข้อหายักยอกทรัพย์ได้ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12250/2557) แต่ถ้าให้ใส่ชื่อไว้อย่างเดียว ไม่ได้ให้ครอบครองด้วย เอาไปขาย
-
โช้กอัพ ไม่ปรากฏในรายการจดทะเบียน ดังนั้น การโหลดโช้กอัพให้ต่ำลง และถอดนอตที่บริเวณโช้กอัพออก เป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๐๘๗/๒๕๕๖
-
มัดจำที่ถูกริบ หากสูงเกินไป ศาลปรับลดลงได้หรือไม่
-
ปัญหาการรับฟังเทปบันทึกเสียงในคดีอาญา เดิมต้องห้ามมิให้รับฟังตามมาตรา 226 (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2551) ซึ่งมีหมายเหตุท้ายฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ควรรับฟังตาม 226/1 ต่อมาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2555 วินิจฉัยว่า รับฟังได้ตาม 226/1
-
ปัญหาการรับฟังเทปบันทึกเสียงในคดีแพ่ง ถ้าคู่ความยอมรับ เสียงสนทนาเป็นของตนเองจริง ย่อมนำมารับฟังประกอบในการชั่งน้ำหนักพยานได้
-
แนวทางการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานในการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี
-
ว่าด้วยเรื่อง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
สุนัขวิ่งตัดหน้ารถ เจ้าของสุนัขต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ขับขี่หรือไม่
-
ตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียว
-
กำหนดระยะเวลา ๑๐ ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๗๔ วรรคหนึ่ง (๒๗๑ (เดิม) จะต้องเริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุด ไม่ใช่นับแต่คดีถึงที่สุดตามมาตรา ๑๔๗ วรรคสอง (ฎีกาที่ ๑๐๗๓๑/๒๕๕๘, ๔๖๗๓/๒๕๖๐) โดยไม่มีข้อยกเว้นมิให้ใช้บังคั
-
-
คดีแรงงาน
-
เล่นอินเตอร์เน็ตพูกคุยเรื่องส่วนตัวในเวลางาน นายจ้างเลิกจ้างได้โดยชอบ
-
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่านายหน้า ค่าครองชีพ ค่าเที่ยว ค่าชั่วโมงบิน ค่าน้ำมันรถ ค่าคอมมิชชั่น ค่าโทรศัพท์ ค่ารถประจำตำแหน่ง ค่าบริการและค่าอาหาร เงินจ่ายทดแทนรถประจำตำแหน่ง เงินค่าค้างคืนนอกฝั่ง เงินจูงใจ เงินโบนัส ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าภาษี เป็นค่าจ้างหรื
-
ค่าคอมมิสชั่นที่ได้รับจากการจำหน่ายสินค้าซึ่งคิดคำนวณจากยอดสินค้าที่จำหน่ายได้ในแต่ละเดือน ถือเป็นค่าจ้าง
-
หนังสือเตือนต้องมีข้อความเช่นใดจึงเป็นหนังสือเตือนที่ถูกต้อง
-
นายจ้างมีหนังสือเลิกจ้างแต่ไม่ได้ระบุเหตุผลการกระทำความผิดไว้ในหนังสือเลิกจ้าง นายจ้างจะอ้างว่าลูกจ้างกระทำความผิดร้ายแรง ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้หรือไม่
-
ค่าชดเชยกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย
-
พนักงานจ้างเหมาค่าแรง(เอาท์ซอร์ส) จะต้องได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติเช่นเดียวกับพนักงานประจำ
-
มัคคุเทศก์อิสระ ไม่ใช่ลูกจ้าง
-
โจทก์เป็นลูกจ้าง ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือเป็น ผู้รับจ้าง ตาม สัญญาจ้างทำของ
-
หลักการพิจารณาว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือจ้างทำของ
-
สัญญาจ้างแรงงาน มีข้อความว่า ห้ามพนักงานไปทำงานในสถานประกอบการอื่นซึ่งประกอบธุรกิจในลักษณะหรือประเภทเดียวกันกับธุรกิจของบริษัท หรือเป็นคู่แข่งทางการค้ากับบริษัท หรือ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือดำเนินการไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการพัฒนาทำ ผลิต หรือจำ
-
ลูกจ้างใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวต่อพวงกับอุปกรณ์ของนายจ้างในเวลาทำงานเพื่อทำการค้ากับบุคคลภายนอก นายจ้างเลิกจ้างได้หรือไม่
-
ถูกเลิกจ้าง โดยข้ออ้างไม่ผ่านการทดลองงาน โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินใดบ้าง
-
หลักเกณฑ์การวินิจฉัยว่าเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างนั้นเป็นค่าจ้างที่ต้องนำมารวมคำนวนค่าชดเชยหรือไม่
-
ย้ายสถานประกอบกิจการ ตามมาตรา ๑๒๐ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
-
พฤติกรรมเช่นใดที่จะถือว่า เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มาตรา ๑๑๙(๑)
-
มาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย หนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง ต้องระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้าง หมายความว่าอย่างไร
-
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานระบุว่า “หากพนักงานจะใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีต้องยื่นใบลาล่วงหน้าก่อนถึงวันลา หากไม่ใช้สิทธิลาพักผ่อนประจำปีใดให้ถือว่าสละสิทธิการลาพักผ่อนในปีนั้น และหมดสิทธิที่จะนำไปสะสมไว้ในปีต่อไป” ข้อบังคับดังกล่าวใช้บังคับได้หรือไม่
-
สัญญาว่าจ้างนักกีฬา เป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาทางแพ่งประเภทหนึ่ง
-
-
คดีเครื่องหมายการค้า
-
บรรดาภาพถ่าย ภาพวาด หรือภาพประดิษฐ์ซึ่งมีสภาพเป็นเพียงเครื่องหมายเท่านั้น ยังไม่ได้รับความคุ้มครองอย่างเครื่องหมายการค้าจนกว่าจะมีผู้นำภาพต่าง ๆ เช่นว่านี้มาใช้อย่างเครื่องหมายการค้า
-
เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องหมายต่อสินค้าตามรายการสินค้าที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ และไม่ใช่ในลักษณะที่เป็นการใช้อย่างเครื่องหมายการค้าแล้ว จึงไม่เป็นความผิดฐานเลียนเครื่องหมายการค้า
-
เอางานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นมาจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่ได้
-
(นำเข้าซ้อน) ผู้ผลิตสินค้าที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้จำหน่ายสินค้าของตนในครั้งแรก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้านั้นจากราคาสินค้าที่จำหน่ายไปเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้ซื้อสินค้าซึ่งประกอบการค้าปกตินำสินค้านั้นออกจำหน่า
-
ความผิดพลาดในการนำสืบพยานคดีเครื่องหมายการค้า
-
ปัญหาบางประการเกี่ยวกับการลวงขาย
-
หลักเกณฑ์การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้าใดเป็นคำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง
-
-
คดีลิขสิทธิ์
-
การบรรยายฟ้องคดีลิขสิทธิ์ที่ผิดพลาด
-
การล่อซื้อ กับ การล่อให้กระทำความผิด ผลทางกฎหมายแตกต่างกัน
-
การศึกษาหรือวิจัยอันเป็นข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์
-
การสิ้นสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
-
หมายเหตุท้ายฎีกา เรื่อง หลัก “fair use”
-
คดี นวนิยายหางเครื่อง (แนวความคิด หรือ การแสดงออกซึ่งความคิด)
-
ความคาบเกี่ยวลิขสิทธิ์กับเครื่องหมายการค้า(Big)
-
งานดัดแปลงที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ดัดแปลงจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เฉพาะงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
-
ฏีกาอาจารย์ไพจิตร
-
ตีความคำว่า แพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ
-
ล้อเลื่อน (ไม่ใช่งานสร้างสรรค์)
-
ละเมิดบทความและชื่อ
-
ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงเด็กดอยใจดี
-
ลิขสิทธิ์ ศิลปประยุกต์
-
ลิขสิทธิ์ สิทธิของนักแสดง คดีคุณหน่อย บุษกร
-
เอกสารประชาสัมพันธ์ยังไม่ถือว่าเป็นงานสร้างสรรค์
-
การเดินแบบเสื้อผ้าไม่ใช่งานอันมีลิขสิทธิ์(คดีลูกเกตุเมทินี)
-
ตัวอย่างการปรับใช้มาตรา 32 วรรคหนึ่ง
-
คดีลิขสิทธิ์ ไม่จำต้องมีหมายค้น หมายจับ ถ้าเป็นความผิดซึ่งหน้า
-
เอาทำนองเพลงของเขาไปใช้เพียงแค่ ๒ ประโยค ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ หรือไม่
-
รูปแบบรายการเกมโชว์ เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายหรือไม่
-
ความคาบเกี่ยวระหว่างลิขสิทธิ์ศิลปประยุกต์กับสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์
-
แรงบันดาลใจหรือแนวความคิด กฎหมายลิขสิทธิ์ไม่คุ้มครอง
-
ความคาบเกี่ยวระหว่างกฎหมายลิขสิทธิ์ กับ เครื่องหมายการค้า และ ลิขสิทธิ์ กับ สิทธิบัตร
-
-
ที่ดิน
-
คดีภาษี
-
หมายเหตุท้ายฎีกา
-
คดีทางการแพทย์
-
คดีคุ้มครองผู้บริโภค
-
คดีปกครอง
-
คดีดัง
-
-
บุกรุกยามวิกาลทำร้ายร่างกาย
โดย:
Mini
[IP: 1.46.18.xxx]
เมื่อ: 2024-01-08 18:08:10
น้องชายและเพื่อนของน้องโดนทำร้ายร่างกายตอนตี2โดย มีผช.3คน และ ผญ1 คน มาสอบถามหาคนชื่อบอย ซึ่ง บอยคือพ่อเราเอง แต่น้องชายเห็นแล้วน่าจะมีเรื่องอะไรแน่ๆ เลยบ่ายเบี่ยงว่าพ่อไม่อยู่ เลยมีผช 1 คนในนั้นผลักเข้าไปในบ้านและต่อยจนสลบ จมูกหัก ส่วนผช. คนที่2 ก็ได้ผลักเพื่อนน้องเข้าบ้านและต่อยที่เบ้าตา พอพ่อได้ยืนเสียงโครมครามเลนเดินมาดู ผช ทั้ง 3 คน ได้เข้าไปหาพ่อ คนที่ต่อยน้องชายคุมเชิง คนที่ต่อยเพื่อนน้องชายต่อยพ่อเรา ส่วน ผช อีกคนที่มาด้วยค่อยห้าม และผญ ที่มาด้วย ยืนรอหน้าบ้าน แบบนี้ เราสามารถแจ้งข้อหาอะไรได้บ้างคะ ในบ้านทั้งคนแก่ คนท้องแชะเด็กน้อย
ตามข้อเท็จจริงที่บอก ก็เข้าองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุก ตาม ปอ. 365 (1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ (2) ร่วมกันสองคนขึ้นไป (3) ในเวลากลางคืน มีโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ฯ...เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ ก็สามารถไปแจ้งความ(ร้องทุกข์ต่อตำรวจ)ได้ ไม่จำเป็น ต้องแจ้งว่าผู้กระทำความผิดมีความผิดฐานใดบ้าง เพียงแจ้งข้อเท็จจริง ตำรวจก็สามารถตั้งข้อหาได้เองตามข้อเท็จจริงที่ผู้เสียหายแจ้งไว้... แต่คดีนี้มีเดิมพันสูงพอสมควร เพราะผู้ก่อเหตุและพวก มีตำแหน่งหน้าที่ทางปกครอง ( ผญ. , ผช.) ดังนั้นจำเป็นต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานไว้ให้ชัดเจน เช่นภาพวงจรปิด หรือภาพถ่ายจากมือถือ (ถ้ามี) การให้แพทย์ตรวจร่างกาย เพื่อยืนยันว่าถูกทำร้าย หนักเบาเพียงใด และขอใบรับรองแพทย์ไว้ พยานบุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์(ถ้ามี) พยานแวดล้อมที่สามารถยืนการก่อเหตุได้ เป็นต้น
แนวทางปฏิบัติ จากประสบการณ์ตรง ที่พบเห็นอยู่เสมอในสังคม แม้คดีนี้ จะไม่สามารถยอมความกันได้ แต่ตำรวจก็มักจะให้ใช้การเจรจาชดใช้ค่าเสียกันก่อน ผู้ก่อเหตุก็คงเสนอค่าตอบแทน เพื่อเยียวยา ในการกระทำของตน ถ้าพวกเขาเสนอค่าตอบแทน หรือการชดใช้ ในจำนวนที่พอเหมาะสม (ก็ต้องคิดคำนวณดูว่า บาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ค่ารักษาเท่าไร เป็นต้น) ถ้าการชดใช้พอสมน้ำสมเนื้อกัน ก็ยอมๆไปเถอะ เรื่องคุ้มค่า คงไม่มี แต่บางที ก็จำต้องยอม... มีคำพูดที่เรามักได้ยินในสื่อ(ทีวี) มักพูดว่า อยากให้ตำรวจ ดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความกันใดๆ ฟังก็ดูดี แต่ในทางปฏิบัติ มักจะมีปัญหาตามมามากมาย ถ้าเราไม่ยอมความ คือไม่ยอมรับการชดใช้ใดๆ ก็สามารถทำได้ ตำรวจก็ต้องสรุปสำนวน ส่งอัยการ เพื่อฟ้องศาล ก็ต้องไปว่ากันยืดยาวในศาล เราเป็นฝ่ายผู้เสียหาย ทั้่งเจ็บปวด ร่างกายจิตใจ ต้องมีภาะต้องไปโรงพัก ไม่พบอัยการ ไปศาล นัดแล้วนัดเล่า กว่าคดีจะถึงที่สุด คงข้ามเดือนข้ามปี... และคดีแบบนี้ ผู้ก่อเหตุคงหาทางเอาตัวรอด(ย่อมมีคนแนะนำ) โดยการยอมรับสารภาพ และวางเงินค่าเสียหาย ซักก้อนหนึ่ง ศาลคงปรานีลงโทษสถานเบา คือคงลดโทษกึ่งหนึ่ง และให้รอการลงโทษไว้ ไม่ต้องถูกจำคุก เพียงรอการลงโทษไว้ 1-2 ปี (รออาญา)ตาม ช่องทางที่กฎหมายเปิดช่องให้ คือ ปอ. ม.56 ม.78...บางทีผู้ก่อเหตุ ยังทำกร่างเย้ยหยันว่า สุดท้ายพวกฉันไม่ต้องถูกจำคุกฯ....ถ้าเรายอมรับการชดใช้ตามสมควร ส่วนเรื่องคดี ก็ปล่อยให้ตำรวจแลอัยการ ฟ้องร้องร้อง หรือสั่งไม่ฟ้องก็แล้วกระบวนการ เราก็ไม่ต้องมีภาระไปวุ่นวายกับคดี การประจันหน้ากับผู้ก่อเหตุ(จำลย) ก็ไม่ทางจะเกิดขึ้นได้ เราก็อยู่อย่างสันติ...
การแนะนำแบบนี้ ย่อมมีคนเห็นแย้งว่า ทำไมไปอ่อนข้อกับคนพาล คนพาลจึงเต็มบ้านเต็มเมือง ทำไมไม่ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่แนะนำเช่นนี้เพราะมีโอกาสวนเวียนอยู่ในกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์)ได้รู้เห็นกระบวนการในวงจรนี้ อย่างชัดเจน เพราะตระหนักดีว่า คดีแบบนี้มักจบลงที่รอการลงโทษ...ความจริงที่เจ็บปวด ที่เราต้องยอมรับคือ "ความยุติธรรมไม่เคยมีในโลก" ดังนั้นอย่าเสาะแสวงหาให้เหนื่อยยากเลย ก็ลองมองๆไปรอบๆตัว และในสังคม ก็จะประจักษ์ว่า ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง ถ้าได้รับการเยียวยาบ้าง ก็รับไปเถิด เรื่องคุ้มค่าไม่มี... แม้ความยุติธรรมไม่มี แต่ถ้าเราสามารถยืดหยุ่น ผ่อนหนักผ่อนเบาในชีวิต เราก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข ด้วยความปรารถนาดี ครับ
ผู้ก่อเหตุจะมีข้อหาอะไร หรือมีความผิดฐานใดบ้าง อยู่ที่ ผลของการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ประกอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และพยานแวดล้อมต่างๆ และใบรับรองแพทย์ที่ชี้ว่า บาดเจ็บมากน้อยเพียงใด เป็นต้น...ตามความเห็นของผู้ตอบ ตามข้อเท็จจริงที่บอก น่าจะมีเพียงข้อหาบุกรุก และข้อหาทำร้ายร่างกายเท่านั้น... และข้อหาทำร้ายร่างกาย ก็มี 3 ระดับ (ตามลักษณะการบาดเจ็บ และการรับรองของแพทย์ คือ 1. บาดเจ็บเล็กน้อยฯ ก็เป็นความผิดลหุโทษ(โทษเบา) มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตาม ปอ. ม.391... 2. ถ้าบาดเจ็บแก่ร่างกายและจิตใจ จะมีโทษตาม ปอ. ม.295 คือจำคุกไม่เกิน สองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท และ 3.ถ้าบาดเจ็บสาหัส(เช่น ตาบอด หูหนวกลิ้นขาด เสียประสาทการดมกลิ่น เสียอวัยวะสืบพันธ์ เสียแขน เสียขา มือ เท้า ฯ ทุพพลภาพ รักษาเกินกว่า 20 วัน เป็นต้น) มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 10 ปี .ตาม ปอ. ม.297 ....ถ้าพยานหลักฐานไปถึง จนสามารถตัองข้อหาพยามฆ่า ได้(ข้อหาพยายามฆ่า มีโทษ สองใน สาม ของโทษการฆ่าฯ ก็คงมีโทษประมาณ 15 ปี) แต่.. ผู้ก่อเหตุ หรือจำเลย ย่อมมีข้อต่อสู้ ที่มีผู้แนะนำ ให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลงได้ เช่น อ้างว่า เป็นการติดตามตัวผู้กระทำความผิด เป็นความผิดซึ่งหน้า จำเป็นต้องติดตามเข้าไปในบ้าน เป็นเรื่องเร่งด่วนติดพัน ถ้ารอหมายค้นคงไม่ทันการ ที่ทำร้ายร่างกายเพราะผู้เสียหายขัดขืนต่อสู้ จำเลยจำเป็นต้องป้องกันตัว ซุึ่งแนวทางต่อสู้ก็น่าจะออกมาในแนวทางนี้...เจ็บตัวยังไม่พอ ยังถูกสร้างเรื่องให้ดำเป็นขาวอีก ให้เจ็บลึกในใจแน่นอน...ที่แนะนำให้เคลียร์ปัญหากันนั้น ไม่ใช่แนะนำส่งเดช เพื่อปกป้องคนผิด แต่การจะพิสูจน์ว่า ใครทำอะไร อย่างไรบ้าง ผลเป็นอย่างไร เพื่อให้ศาลรับฟัง และลงโทษผู้กระทำความผิด ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และมีข้อกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย คือ ตาม ป.วิอาญา ม.227 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า"เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย" จำเลยเป็นจำนวนมากจึงมักรอด เพราะมีหลักการของกฎหมาย ตามยกมา ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย คือถ้าสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ ศาลต้องยกฟ้อง...สังคมมักจะสงสัยว่า ทำไม จำเลย จึงรอด ก็เพราะ พยายหลักฐาน ไม่ชัดเจนเพียงพอ ถ้าสงสัย..รอดแน่นอน ด้วยความปรารถนาดี ครับ