ฟ้องขับไล่ ในที่ดิน สปก. 4-01

เรื่องราวยืดยาวเป็นห่างว่าวค่ะ

เมื่อตอนเด็กๆ พ่อได้ซื้อที่ดินจับจองไว้แปลงนึงที่ ห้วยบง ด่านขุนทด เป็น มภท 5. ต่อมาพ่อแบ่างขายให้น้า 20 ไร่ และน้าได้ยกที่ใช้หนี้ โรงน้ำตาลไปเมื่อปี 47

ต่อมามีการสำรวจขึ้นบัญชีเป็น สปก. แต่หลักฐานการเสียภาษีดอกหน้าทั้งหมด 96 ไร่ ยังเป็นชื่อพ่ออยู่ เมื่อ สปก. ออกสำรวจเอกสารสิทธิ์จึงเป็นชื่อพ่อคนเดียวทั้ง 96 ไร่

เมื่อปี 50 พ่อเป็นหนี้โรงงานน้ำตาล จึงมีการตกลงว่าจะปลูกยูคาใช้หนี้โรงงาน จำนวน 96 ไร่ เมื่อปลูกได้ 3 ปี อายุยูคาถึงกำหนดที่สามารถตัดขายได้แล้ว มีทนายของโรงงานน้ำตาลกับนายทุนเข้าดำเนินการตัดยูคา 96 ไร่ซึ่งมูลค่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 แสน โดยที่ทนายโรงงานได้บอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องเข้าไปดูเดี๋ยวจะดำเนินการให้

ระหว่างเวลาเดียวกันทนายโรงงานก็ฟ้องบังคับคดีพ่อไปด้วย

ในวันที่ต้องไปสืบพยนาทนายโรงงานก็บอกว่าไม่ให้พ่อกับแม่ไปศาล ทนายจะจัดการให้

สรุป พ่อแพ้คดีจึงต้องนำที่ดินที่เหลือ 76 ไร่ ไปยิยยอมใช้หนี้โรงน้ำตาล ซึ้งตอนนั้นที่ดินผืนนี้ได้ถูกแบ่งเป็น 2 โฉนด ชื่อพี่ชาย 46 ไร่ (ทับซ้อนกับส่วนที่ขายไป 20 ไร่ด้วย) ชื่อพ่อ 50 ไร่ พ่อเจรจายกที่ 50 ไร่ให้โรงงานด้วย สปก 4-01 โรงงานไม่รับต้องการทั้งหมดจึงต้องยกที่ปากเปล่าให้ 76 ไร่ ตามคดีแดง

ซึ่งต่อมานายทุนเข้าทำกินมาตั้งแต่ปี 2554 โดยอ้างว่า ซื้อต่อมาจากโรงงาน

ในส่วนที่ เป็นชื่อพี่ชายทางครอบครัว ลูกทั้งสามคน เห็นว่าพ่อไม่ได้รับความยุติธรรมจึงคิดว่าจะเอาคืน

จึงไปปรึกษาทนาย ทนายให้คำปรึกษาว่า พี่ชายไม่ได้เป็นหนี้โรงงานน้ำตาลก็มีสืทธิได้ที่ดินคืนอยู่ จึงได้ว่าจ้างทนายความฟ้องขับไล่โดยจ่ายเงินทนายไป 35000 บาทในครั้งเดียว เมื่อ เมษา 2557 และได้ทวงถามความคืบหน้ากับทนายมาตลอด ทนายก็ รอๆๆๆๆ อะไรไม่รู้

จนมายื่นฟ้องขับไล่ให้จริงๆ เมื่อ เมษา 58 ก็มีขึ้นศาลตามกระบวนการมา เรื่อยๆ จนมียอมความกันชั่วคราวเพื่อตกลงกันโดยโรงงานยื่นข้อเสนอขอแบ่งที่ดิน ในส่วน 46 ไร่ ให้กับนายทุน

ทนายพูดในศาลว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ฟ้องใหม่ต่อจากเรื่องเดิมโดยทนายไม่คิดค่าใช้จ่าย ให้เวลาโรงงาน 2 อาทิตย์ถ้าไม่ติดต่อมาก็จะยื่นเรื่องฟ้องอีกรอบ

แต่นี่ผ่านมาเดือนกว่า( จากวันที่ 29/09/2016) ติดต่อไปทนายก็ไม่รับสาย ไม่มีการตอบกลับ หรือตัดสายทิ้ง แล้วลายมาบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับก็เงียบอีก

ลูกความควรทำยังงัยต่อดีค่ะ ทนายอยากได้เงินเพิ่มเราก็ยินดี แต่จะให้เราเสนอเองเราก็ไม่รู้ว่าเท่าไรถึงจะเหมาะจะควร แต่ด้วยความที่ทนายดำเนินเรื่องช้ามากๆๆ ทำให้ไม่อยากใช้ทนายคนเดิมต่ออีกแล้ว จะพูดยังงัยกับทนาย เพราะตอนนี้ทนายได้ขอเอกสารตัวจริงทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ทนาย เป็นเห็นสมควรหรือไม่ค่ะ