ช่วยวินิจฉัยโจทย์ปัญหา 4 ข้อให้หน่อยครับ

โดย: H [IP: 171.7.235.xxx]
เมื่อ: 2025-07-15 10:05:22
ข้อ 1. นาย ก บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กชาย ข ยื่นฟ้องนาย ค เรียกค่าขาดไร้อุปการะและค่าปลงศพที่ทำให้เด็กชาย ข ถึงแก่ความตาย ต่อมานาง ง มารดาของเด็กชาย ข ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) ศาลอนุญาต นาย ค ยื่นคำให้การว่า นาย ก เป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ถือว่าไม่มีฟ้องเดิมของโจทก์อยู่ นาง ง จึงไม่มีอำนาจร้องขอเข้าเป็นโจทก์ คำสั่งศาลที่อนุญาตให้นาง ง เข้าเป็นโจทก็จึงไม่ชอบ ให้วินิจฉัยว่า ข้อกล่าวอ้างของนาย ค ฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด



ข้อ 2. นายแดงมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดสงขลา เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 12345 ได้ฟ้องขับไล่นายดำที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลาให้ออกจากที่ดินพิพาทดังกล่าวที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดสตูล โดยนายแดงอ้างว่านายดำผิดสัญญาเช่าและนายแดงได้บอกเลิกสัญญาแล้ว พร้อมทั้งขอให้นายดำชำระค่าเช่าที่ค้างและชดใช้ค่าเสียหาย นายดำยื่นคำให้การต่อสู้ว่านายแดงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้อง โดยไม่ได้ต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินว่าเป็นของตนเองหรือผู้ใด

ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายเขียวได้ยื่นคำร้องสอดขอเข้ามาในคดีโดยอ้างว่าตนเป็นผู้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 12345 บางส่วน โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลา 20 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทในส่วนที่ตนครอบครอง

ให้วินิจฉัยว่า

1) นายแดงสามารถยื่นฟ้องนายดำยังศาลใดได้บ้าง เพราะเหตุใด (10 คะแนน)

2) นายเขียวมีสิทธิยื่นคำร้องสอดขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (10 คะแนน)





ข้อ 3. พนักงานเดินหมายได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยทั้งสามตามภูมิลำเนาในคำฟ้องแล้ว ไม่พบจำเลยทั้งสาม บ้านปิดประตูใส่กุญแจ ไม่มีผู้ใดทราบว่าคนในบ้านออกไปที่ใด จึงส่งไม่ได้ ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสาม ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องอีกครั้ง หากส่งไม่ได้ขอให้ปิดหมายและสำเนาคำฟ้อง โดยโจทก์แนบหนังสือรับรองการจดทะเบียนประกอบข้ออ้าง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า "ให้โจทก์ยืนยันหลักฐานภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามใหม่ภายใน 15 วัน การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้รอไว้ก่อน" ทนายโจทก์ลงลายมือชื่อในคำแถลงซึ่งมีหมายเหตุไว้ด้วยว่า “ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว” เมื่อครบ 15 วัน ทนายโจทก์มิได้ยื่นหลักฐานยืนยันภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามใหม่

ให้วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นจะดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนี้ต่อไปอย่างไร





ข้อ 4. โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีปกติเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 เมื่อครบกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การ จำเลยมิได้ยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดีโดยขาดนัด ศาลนัดสืบพยานหลักฐานโจทก์ไปฝ่ายเดียวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 โดยในวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวจำเลยมาศาลและนั่งฟังการสืบพยานหลักฐานโจทก์จนเสร็จแล้วจำเลยจึงแถลงต่อศาลว่าจะให้ทนายความยื่นคำให้การต่อสู้คดีเพราะเหตุจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การเนื่องจากจำเลยเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศเพิ่งทราบว่าตนถูกฟ้องและได้ขออนุญาตยื่นคำให้การต่อศาล

ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่าศาลจะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามที่จำเลยขอได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และหากศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยจะขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (20 คะแนน)







#1 โดย: มโนธรรม ผู้เฒ่า [IP: 49.228.49.xxx]
เมื่อ: 2025-07-17 08:10:18
เป็นเพียงความเห็น ครับ
1. มารดาร้องสอดได้ ตาม วิแพ่ง ม.57(2)

2....
(1) แดงฟ้องสามารถฟ้องที่ ศาล สงขลา หรือศาลสตูล ตาม วิแพ่ง ม.4(1)
(2) เขียสร้องสอดได้ ตาม วิแพ่ง ม.57(1)
3.ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ตาม วิแพ่ง ม.174(2)
4.ให้จำเลยยื่นคำให้การ ตาม วิแพ่ง ม.199 วรรคแรก

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 194,628