อาญา มาตรา 3

โดย: Big [IP: 1.10.223.xxx]
เมื่อ: 2021-07-10 17:13:56
มาตรา3 อนุ1ตรงที่คำว่า หากเห็นเป็นการสมควรศาลจะกำหนดโทษน้อยกว่าโทษขั้นตำ่ที่กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกำหนดไว้ถ้าหากมีก็ได้

ข้อตัวอย่างด้วยจะถือว่าดีเลยครับ ขอแหล่งที่มาของจำนวนโทษด้วยนะครับว่าทำไมถึงเหลือแค่นี้
#1 โดย: มโนธรรม [IP: 223.205.250.xxx]
เมื่อ: 2021-07-11 01:21:11
การกำหนดโทษใหม่

มีหลักการที่สำคัญ คือ คดีต้องถึงที่สุดแล้วและมีกฎหมายที่เป็นคุณ...ตัวอย่าง....

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13883/2553

ป.อ. มาตรา 3 บัญญัติว่า "ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีถึงที่สุดแล้ว แต่ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้วดังต่อไปนี้ (1) ถ้าผู้กระทำความผิด...กำลังรับโทษอยู่และโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง...เมื่อผู้กระทำความผิดร้องขอ ให้ศาลกำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง..." บทบัญญัติดังกล่าวหมายความว่า ศาลจะกำหนดโทษใหม่ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้วได้ต้องเป็นกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และคดีถึงที่สุดก่อนวันที่กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังใช้บังคับ เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ซึ่งยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2545 และคดีของจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 โดยศาลฎีกาพิพากษาเมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ใช้บังคับแล้ว กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับ ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) ที่ศาลกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ได้

คำพิพากษาย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดโดยอ่านให้จำเลยที่ 1 ฟังเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) จำคุก 25 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 16 ปี 8 เดือน
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2551 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 แล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกามีคำพิพากษายืน ไม่มีเหตุที่จะกำหนดโทษตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุที่จะกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 บัญญัติว่า "ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีถึงที่สุดแล้ว แต่ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้วดังต่อไปนี้ (1) ถ้าผู้กระทำความผิด....กำลังรับโทษอยู่ และโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง....เมื่อผู้กระทำความผิดร้องขอ ให้ศาลกำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ...." บทบัญญัติดังกล่าวหมายความว่า ศาลจะกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้วได้ต้องเป็นกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และคดีถึงที่สุดก่อนวันที่กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังใช้บังคับ เมื่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ซึ่งยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2545 และคดีของจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 โดยศาลฎีกาพิพากษาเมื่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ใช้บังคับแล้ว กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ที่ศาลจะกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
ตัวอย่าง
ฎ.3795/2562 ความผดิฐานมีพืชกระท่อมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ
อนุญาต ตามกฎหมายใหม่มีระวางโทษปรับไม่เกนิ สองหมื่นบาท เพยีงสถาน
เดียวแตกต่างกบักฎหมายเดิม ที่ระวางโทษจําคุกไม่เกน หนึงปี หรือปรับไม่
เกินสองหมื่นบาท หรือทังจําทังปรับ ดังนั้นจึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ ซึ่ง
เป็นคุณมากกว่าบังคับแก่จําเลย ตาม ป.อ.มาตรา 3


ถ้าต้องการดูตัวอย่างที่หลากหลาย ก็เข้าไปที่กูเกิ้ล พิมพ์คำว่า "ฎีกา ตาม ปอ. ม.3(1)" จะมีคำพิพากษาศาลฎีกา มาให้ศึกษามากมายครับ

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 123,671